โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกในชีวิตที่ชื่อ ‘แก่น’ ออกมาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักตัวตนของเขาเพิ่มขึ้นผ่านทั้ง 10 บทเพลง ไปตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565
THE STANDARD POP ขอพาทุกคนย้อนกลับไปฟังรายการ THE INTERVIEW ที่ชวนเขามาคุยลึกไปถึง ‘แก่น’ ที่เป็นทั้งชื่ออัลบั้มเต็มครั้งแรกในชีวิต รวมทั้งบริษัทโคตรคูล มิตรภาพ ความรัก ความตาย ความหมายในการมีชีวิต และ ‘รอยยิ้ม’ ที่อยากทุกคนจดจำเอาไว้ในวันที่จากโลกนี้ไป
รับชมรายการแบบเต็มๆ ได้ที่
“อัลบั้ม ‘แก่น’ สำคัญมากเหมือนศิลาจารึก เป็นหมุดหมายในชีวิตของเราว่า ในชีวิตหนึ่งเราทำอัลบั้มของตัวเองสำเร็จ แต่ก็สัญญากับเองว่าจะไม่ทำอีกแล้ว เหนื่อยฉิบหาย (หัวเราะ)
“ผมดันเป็นคนอินกับสิ่งที่ทำ ดูในทุกบริบทตั้งแต่ทำเพลง เขียนเพลง หาโปรดิวเซอร์มาช่วยงาน รวบรวมเพลงทั้งหมด 10 เพลง ทำแม้กระทั่งเสื้อผ้าตัวเอง แชร์ไอเดียในการทำปกอัลบั้ม ปกซิงเกิลอีก 10 ปก ทำแผนพีอาร์เอง ทำนั่นทำนี่เองทั้งหมด
“ก่อนทำก็พยายามรับงานเพื่อเอาเงินก้อนนี้มาลงทุนทำอัลบั้มตัวเอง โดยแลกเป็นหยาดเหงื่อของเราลงไปเพื่อได้ชิ้นงานกลับมา เพราะฉะนั้นถามว่าขาดทุนไหม มันขาดทุนในเรื่องตัวเงินมั้ง แต่มันฟูลฟีลมากกว่าในความเป็นศิลปิน ทุกอย่างมันสนุก สวยงาม เป็นอัลบั้มที่เป็นตัวเองที่สุดของโอ๊ต ปราโมทย์เลย”
โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน พูดถึงความสำคัญของ ‘แก่น’ ในฐานะอัลบั้มแรกในชีวิตของการเป็นศิลปิน ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“ต่อให้อายุเท่าไรก็ตาม คุณจะไม่มีทางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักเด็ดขาด เพราะความรักไม่มีรูปแบบตายตัว ยิ่งเข้าใจความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ความรักยิ่งเปลี่ยนรูปแบบไปจนเราเกินที่จะจินตนาการ
“ตอนแรกที่ทำรายการ จีบหนูหน่อย” #หนูอ่อยไม่เป็น ไม่คิดว่ามันจะเอฟเฟกต์ทีฟขนาดนั้น ผมทำแค่เพราะว่าเพิ่งเลิกกับแฟนใหม่ๆ แล้วก็งงว่าคนโสดเขาใช้ชีวิตอย่างไรกันนะ สุดท้ายแล้วพอทำไปจริงๆ สิ่งที่ตกตะกอนได้ก็คือ ไม่ว่าคุณจะเพศไหน อายุเท่าไร มีเงินขนาดไหน หรือทำอาชีพอะไรก็ตาม ทุกคนมีปัญหาเรื่องความรักเหมือนกันหมด แต่สุดท้ายไม่ว่าจะดีหรือร้ายความรักสวยงามเสมอ”
โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน พูดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำรายการ จีบหนูหน่อย” #หนูอ่อยไม่เป็น ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“ทุกวันนี้ผมก็ยังต้องการความรักอยู่นะ ในรูปแบบที่อยากได้ใครมานั่งด้วยกันเฉยๆ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องถาม ดูบอลด้วยกัน ดูซีรีส์ด้วยกัน ไปกินข้าว หรือชวนไปทำอะไรใหม่ๆ ก็ได้ ต่อให้อายุ 50 ปีก็ยังต้องการ
“ทุกวันนี้โชคดีตรงที่ว่ามีคนรอบข้างเยอะ ทั้งเพื่อน พนักงาน ก็ถัวๆ กันไป เวลาเจ็บกับความรักหรือเจ็บกับอะไรก็ตามจะฮีลเร็วมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะซัฟเฟอร์มาก จะตายแล้ว แต่ตอนนี้สมมติอกหักปุ๊บ มันมีเวลาคิดแป๊บเดียว เลขาโทรมาแล้ว พี่โอ๊ตคะงานนี้ อ๋อ โอเคๆ มันจะลืมแล้วเพราะต้องโฟกัสกับสิ่งอื่นเยอะ
“แต่ไม่ใช่ไม่เจ็บปวดนะ ผมเจ็บปวดเสมอ เจ็บปวดง่ายมาก เพราะเป็นคนเซนสิทีฟมาก มากแบบลมผ่านก็คือ พลังใบ กูหนาวอะ แดดจ๋า (หัวเราะ) ความรู้สึกนั้นเลย แต่ว่าผมชอบนะ เพราะความเจ็บปวดมันย้ำเตือนอยู่ตลอดว่าเรายังเป็นมนุษย์อยู่”
โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน พูดถึงมุมมองความรักและความเจ็บปวดที่เปลี่ยนไป ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“ถ้าถามว่าโคตรคูลสำคัญขนาดไหน โห มันสำคัญพอๆ กับพ่อแม่เลยนะ โคตรคูลกับโอ๊ต ปราโมทย์รวมเป็นอณูเดียวกันจนแยกกันไม่ออก ถ้าวันหนึ่งรู้สึกว่าชีวิตเราไม่สำคัญแล้ว โคตรคูลก็ไม่สำคัญ
“จากพื้นที่ทำอะไรสนุกๆ ต่อจาก จันทร์ Shock โลก ทุกวันนี้มันพัฒนาสุดลูกหูลูกตา จนทุกวันนี้ จันทร์ Shock โลก ไม่มีแล้ว จากออฟฟิศที่มีตู๋เป็นเลขาแค่คนเดียว เพิ่มแชมป์ที่เป็นคนตัดต่อ เพิ่มเป็น 5 เป็น 15 เป็น 27 จนตอนนี้ออฟฟิศไม่พอแล้ว
“พัฒนารูปแบบจนกลายเป็น Production House ผลิตรายการ ผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ ผลิตงานให้ลูกค้า ผลิตสิ่งต่างๆ แล้วก็พยายามขยายสาขาออกไป ไม่รู้ว่ามันจะหยุดตรงไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปอย่างไรต่ออีก
“อยากจะดูขีดจำกัดตัวเอง ไม่ได้อยากรู้ว่าเราเก่งหรือไม่เก่ง แค่อยากรู้ว่าโอ๊ตปราโมทย์เกิดมาแล้ว มันจะไปหยุดตรงไหน มันจะทำได้แค่ไหนวะ”
โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน พูดถึงความสำคัญของบริษัท โคตรคูล ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“เอาจริงๆ ชาวเน็ตก็เหมือนครู ที่คอยเฆี่ยนตีเราเวลาทำผิด ซึ่งย้อนมองกลับไปในวันนั้นถามว่าสมควรโดนด่าไหม ก็สมควร เพราะมันก็ทำผิดทั้งด้วยความไม่รู้ ทำผิดด้วยความที่รู้แต่ว่าคิดสั้นเกินไปว่าคงไม่เป็นไรมั้ง
“ที่ผมเขียนเพลง แค่ไหนถึงพอใจ ออกมา แค่รู้สึกว่าบางคนด่าด้วยความอคติ ถ้าด่าด้วยความหวังดีเรารับสิ่งนั้นมาปรับปรุงตัวเสมอ เป็นเพลงที่ไม่ได้ฟาดฟันกลับไป แต่คำถามที่โยนกลับไปว่าแล้วแค่ไหนคุณถึงจะพอใจในความเป็นโอ๊ต ปราโมทย์ หรือแค่ไหนถึงจะพอใจในการที่คนคนหนึ่งจะได้เป็นในแบบที่เขาเป็น
“ต้องลองถามคนอื่นที่อยู่ใกล้ตัวผม ทุกคนจะเห็นเลยว่าความเป็นโอ๊ต ปราโมทย์แม่งยากสัตว์ๆ แต่ทุกวันนี้ผมชินกับมันแล้วนะ ก็รู้สึกชอบความเป็นโอ๊ต ปราโมทย์ เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ดีบ้าง เหี้ยบ้างปะปนกันไป ซึ่งในวันนี้มันคงจะมีความสุขแล้ว”
โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน พูดถึงจุดเริ่มต้นของเพลง แค่ไหนถึงพอใจ ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP
“ผมแค่ทำงานหนักทุกวันนี้เพราะอยากเป็นความสุขให้กับทุกคน สมมติวันหนึ่งที่ผมไม่อยู่แล้ว เพื่อนรู้สึกว่า คิดถึงไอ้โอ๊ตเนอะ ถ้ามันอยู่ป่านนี้เราคงไปกินเหล้า ไปทำโน่นนี่กันแค่นั้นพอแล้ว คือตายอย่างมีคุณค่า ไม่ใช่ตายห่าให้คนสาปส่งว่า สมควรแล้ว คนอย่างมึงตายไปเหอะ
“หลุมฝังศพของผมไม่ต้องสลักอะไรเลย แค่ โอ๊ต ปราโมทย์ ชาตะ มรณะ แล้วก็รอยยิ้มมั้ง ไม่ต้องมองหลุมศพก็ได้นะ แค่วันหนึ่งมีคนเปิดฟังเพลง กลับมาดูรายการหรืออะไรก็ตาม ผมอยากให้เห็นโอ๊ต ปราโมทย์ เป็นรอยยิ้มแค่นั้นก็พอแล้ว”
โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน พูดถึงสิ่งที่อยากให้ผู้คนจดจำเมื่อเขาจากโลกนี้ไป ในการสัมภาษณ์ช่วงหนึ่งของรายการ THE INTERVIEW กับ THE STANDARD POP