“ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ครับที่เลือกเรียนอาชีวะ”
ป้อม-ปราโมทย์ การัมย์ กล่าวย้ำเช่นนี้หลายต่อหลายครั้งตลอดเวลาที่ได้สนทนากับ THE STANDARD เราสนใจหนุ่มคนนี้ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งที่เขาเป็นชายหนุ่มผู้หันมาเอาดีด้านจัดดอกไม้จนเก่งกาจ ถึงขนาดได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปเข้าร่วมเวทีการแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 44 หรือ WorldSkills Abu Dhabi 2017 ทั้งยังได้รับทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ จากมูลนิธิเอสซีจีให้ศึกษาจนจบปริญญาตรี
ปราโมทย์เล่าถึงเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเรียนสายอาชีวะที่เขาภูมิใจให้เราฟังว่า “ผมตัดสินใจหยุดเรียนสายสามัญตอนกำลังจะขึ้นชั้น ม.5 เพราะเรารู้สึกว่าตัวเองไม่ชอบอะไรที่เป็นวิชาการ คือตอนนั้นผมเลือกเรียนแผนภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอร์ แต่ก็พบว่าตัวเองไม่ชอบวิชาคำนวณหรือภาษา ในขณะที่เพื่อนๆ คนอื่นๆ เริ่มคิดกันว่าจะเรียนต่อหมอหรือวิศวะ ผมเองก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าแล้วเราจะเรียนอะไรต่อดี เมื่อไปปรึกษากับอาจารย์แนะแนวท่านหนึ่งซึ่งสังเกตเห็นว่าผมชอบงานประดิษฐ์ เนื่องจากเห็นผมชอบไปขลุกอยู่ที่ห้องการงานอาชีพ ก็แนะนำว่าให้ถามตัวเองดีๆ ถ้ามันไม่ใช่ก็อย่าฝืนเรียนต่อไปเลย แล้วมุ่งไปทางที่เราชอบน่าจะดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา”
ปราโมทย์ใช้เวลาไม่นานนักในการถามตัวเองและตัดสินใจ เขาหยุดพักการเรียนเอาไว้แล้วรอให้ถึงเทอมต่อไปจึงสมัครเข้าเรียนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา
“สาขาที่ผมเลือกเรียนคือคหกรรมการผลิต ซึ่งมีการเรียนการสอนครอบคลุมตั้งแต่การเรียนจัดดอกไม้ ร้อยมาลัย เย็บใบตอง แกะสลัก เย็บผ้า ทำแพตเทิร์นเสื้อผ้า ตัดเย็บชุด ทำอาหารคาว-หวาน งานเครื่องหนัง ทำของชำร่วย น้ำอบ น้ำปรุง ฯลฯ ผมได้เรียนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นสูงเลยครับ แต่การจัดดอกไม้ถือเป็นสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุด”
เมื่อรู้ว่าการจัดดอกไม้คือสิ่งที่ตัวเองชอบและทำได้ดีที่สุด หนุ่มคนนี้จึงมุ่งมั่นที่จะเอาดีทางด้านนี้อย่างจริงจัง เขาหมั่นเรียนรู้ หาโอกาสฝึกฝนพัฒนาทักษะฝีมืออยู่เสมอ และทุกครั้งเมื่อมีการประกวดแข่งขันจัดดอกไม้ ปราโมทย์ก็ไม่ยอมพลาดและคว้ารางวัลมาโดยตลอด เช่น การแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ จัดโดย กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สาขาช่างจัดดอกไม้ โดยเขาสามารถคว้ารางวัลตัวแทนภาคกลางและตัวแทนในระดับประเทศได้
“ที่ผมประทับใจเกี่ยวกับการเรียนอาชีวะก็คือนอกจากหลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นการลงมือทำจริงแล้ว เรายังได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากทางสถาบันมาโดยตลอด เช่น เมื่อมีการแข่งขันอะไรที่เราไปทราบมาก็ขอลงสมัครเพื่อเป็นตัวแทนของวิทยาลัย แล้วก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีเสมอ นอกจากนี้ยังเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่วิทยาลัยจัดขึ้น เช่น การบริการวิชาชีพ ออกไปสอนอาชีพชาวบ้านตามชุมชน ซึ่งผมก็ได้ไปสอนชาวบ้านให้รู้จักกับวิธีประดิษฐ์งานฝีมือเพื่อจำหน่าย ก็ทำกิจกรรมต่างๆ แนวนี้ในระหว่างที่เรียนมาโดยตลอด ซึ่งมันเป็นโอกาสให้เราได้ฝึกทำงานและเป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์จริงๆ”
โอกาสดีก้าวเข้ามาในชีวิตของปราโมทย์ เมื่ออาจารย์ของวิทยาลัยแจ้งข่าวโครงการ ‘My Idol ฝีมือชนคนโดนใจ’ ของมูลนิธิเอสซีจี ซึ่งให้นักเรียนอาชีวะได้ส่งเรียงความเพื่อเล่าถึงคนที่เป็นแรงบันดาลใจของตัวเองเข้าไปประกวด ปราโมทย์ก็ส่งเรื่องราวที่เขาเขียนเกี่ยวกับความชื่นชมที่มีต่อครูนักจัดดอกไม้ชื่อดังอย่าง ครูกอล์ฟ-พิทักษ์ หังสาจะระ
“ครูกอล์ฟเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกสอนและส่งนักเรียนไปแข่งจัดดอกไม้ในต่างประเทศมาหลายคนแล้ว ครูเป็นแรงผลักดันให้ผมทุ่มเท ฝึกฝน พัฒนาตัวเองให้เก่ง เพื่อเราอยากจะไปลงแข่งในระดับนั้นบ้าง”
ผลงานการจัดดอกไม้
ถ้าถามว่าหนุ่มคนนี้ทุ่มเทถึงขนาดไหน ก็ถึงขั้นที่ว่าแม้จะไม่มีทุนรอนสักเท่าไร แต่ก็ยังอุตสาหะรอเก็บเศษดอกไม้ที่ถูกทิ้งที่ปากคลองตลาดเพื่อนำมาใช้ฝึกฝีมืออยู่เป็นประจำ “ผมต้องไปรอจนถึงช่วง 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืน เพื่อรอให้แม่ค้าเอาดอกไม้ไปทิ้ง แล้วผมจึงเลือกเอาดอกที่ยังพอจะมีสภาพดีอยู่นำไปฝึกจัดดอกไม้”
เรื่องราวความมุ่งมั่นของเขาจึงได้รับคัดเลือกจากโครงการ ‘My Idol ฝีมือชนคนโดนใจ’ ของมูลนิธิเอสซีจี และได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาที่ประเทศสิงคโปร์ รวมทั้งเข้าชมการแข่งขัน ASEAN Skills Competition ที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างนั้นเองที่ปราโมทย์ได้ฉายแววแห่งความมุ่งมั่นตั้งใจ บวกกับผลงานที่โดดเด่นของเขาที่ผ่านมาได้เตะตาเข้ากับผู้บริหารของมูลนิธิเอสซีจี จึงได้มอบทุนการศึกษาให้หนุ่มคนนี้ได้เป็นนักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ โดยมอบทุนให้เขาเล่าเรียนจนจบปริญญาตรี ซึ่งในระหว่างนั้นเองที่ปราโมทย์ได้รับโอกาสดีๆ อีกมากมายหลายครั้ง
โอกาสดีที่สุดในชีวิตของปราโมทย์คือการได้ทำงานเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งขณะนั้นปราโมทย์กำลังเรียนอยู่ชั้น ปวช. ปี 2 ก็ได้มีโอกาสฝึกงานที่ ‘กองชาวที่’ สำนักพระราชวัง ซึ่งเป็นกองที่รับผิดชอบดูแลบำรุงรักษา ตกแต่ง ทำความสะอาดพระที่นั่ง พระตำหนัก ตลอดจนสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในเขตพระราชฐานและพระราชฐานที่ประทับ รวมถึงพระบรมมหาราชวัง ปราโมทย์ได้รับมอบหมายให้จัดดอกไม้ตกแต่งสถานที่ให้งดงาม และอีกครั้งเมื่อเรียนชั้น ปวส. ก็ได้รับโอกาสในการจัดทำดอกไม้ประดิษฐ์เป็นรูปกระต่ายคู่สีขาวสำหรับงานพระราชพิธีกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ซึ่งปราโมทย์ทำน้อมถวายด้วยหัวใจสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณยิ่งตลอดระยะเวลา 2 เดือน จนเมื่อพระราชพิธีเสร็จสิ้น เขาก็ได้รับการคัดเลือกจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันจัดดอกไม้ในเวทีการแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 44 หรือ WorldSkills Abu Dhabi 2017 ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งการแข่งขันระดับโลกในครั้งนี้มีตัวแทนจาก 20 ประเทศทั่วโลกมาร่วมชิงชัย และเป็นอีกครั้งที่มูลนิธิเอสซีจีได้มอบทุนสนับสนุนในการเก็บตัวตลอดจนการเดินทางไปแข่งขัน
ผลงานจัดดอกไม้ของปราโมทย์
“มูลนิธิเอสซีจีเปรียบเสมือนครอบครัวที่คอยให้การสนับสนุนผมมาโดยตลอดครับ เขาจะคอยถามเสมอว่าเราต้องการอะไรไหม และเมื่อรู้ว่าผมจะต้องเดินทางไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่บ้านอาจารย์วีนัส วัฒนะพงษ์ ซึ่งอยู่ที่นครปฐม สลับกับกรุงเทพฯ ตลอดระยะเวลา 6 เดือน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง มูลนิธิเอสซีจีก็ได้ให้การสนับสนุน แล้วก็มีพี่ๆ จากมูลนิธิเอสซีจีแวะเวียนมาให้กำลังใจตลอด ช่วยให้ผมมีกำลังใจมาก
“ในช่วงเก็บตัว ผมต้องฝึกฝน ต้องซ้อมประมาณ 9-10 ชั่วโมงต่อวัน เราต้องซ้อมอย่างเป็นระบบโดยยึดตามตารางการซ้อมในแต่ละวันอย่างเคร่งครัด แถมยังต้องฝึกตามโจทย์โดยจับเวลาตามที่อาจารย์กำหนด การเก็บตัวครั้งนี้ได้ความรู้เยอะมาก ซึ่งผมก็ได้นำความรู้ที่ได้จากการเก็บตัวไปแข่ง”
ด้วยความมุ่งมั่นและการเตรียมพร้อม รวมถึงได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหลายๆ ฝ่าย ในที่สุดปราโมทย์ก็ได้รับเหรียญฝีมือยอดเยี่ยม (Medallion for Excellence) จากการแข่งขันในครั้งนั้น สร้างชื่อเสียงและเป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศไทยและวงการอาชีวะเป็นอย่างมาก
เมื่อถามถึงเส้นทางที่นักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ ผู้นี้ได้มองตัวเองอนาคต หนุ่มคนนี้ตอบเราอย่างมั่นใจว่าเขาต้องการที่จะเป็นครู เพื่อชี้แนะและมอบโอกาสให้กับเด็กๆ เหมือนอย่างตัวเองที่ได้รับโอกาสดีๆ จากผู้อื่นมาโดยตลอด
“ผมอยากจะเป็นครูเพื่อที่จะส่งต่อโอกาสดีๆ ที่ผมได้รับมาให้กับผู้อื่นครับ ผมคิดว่าการที่มูลนิธิเอสซีจีให้ทุนการศึกษากับเด็กอาชีวะถือเป็นสิ่งที่ดีมากครับ เพราะคนที่เรียนอาชีวะอย่างผมก็มีความคิดที่อยากจะทำอะไรดีๆ อยากจะประสบความสำเร็จเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่บางคนก็อาจจะไม่ได้มีทุนทรัพย์มากมายนัก และการสนับสนุนทุนการศึกษาเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับพวกผมที่ได้รับโอกาสตรงนี้”
สิ่งที่สำคัญที่ได้รับจากการเรียนอาชีวะคืออะไร เรายิงคำถามนี้กับปราโมทย์ และชายหนุ่มคนนี้ให้คำตอบได้อย่างน่าประทับใจ
“สิ่งที่ผมได้รับอยู่ทุกวันนี้ก็มาจากชุดนักเรียนอาชีวะของผม ผมได้ทั้งโอกาส ได้รับทุนการศึกษา ได้ความรู้ ประสบการณ์ ได้ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ได้รับโอกาสในการทำงานในวัง ได้มาเจอองค์กรอย่างมูลนิธิเอสซีจีที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีก็เพราะชุดนักเรียนอาชีวะของผม ถ้าผมไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนอาชีวะ ผมก็คงไม่ได้รับโอกาสดีๆ ทั้งหมดนี้
“สำหรับผม ชุดนักเรียนอาชีวะก็เหมือนกับใบเบิกทางให้กับผม ผมจึงศรัทธาการเรียนอาชีวะมาก และขอบคุณที่ทำให้ผมได้เรียนจนจบ ทำให้ผมได้รู้จักกับผู้คนมากมาย ได้พัฒนาตนเอง คือผมคิดว่าถ้าเราใส่ชุดนักเรียนอาชีวะไม่เป็น ใส่ไปในทางที่ผิดก็จะไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าเราใช้ชุดนักเรียนอาชีวะเป็นก็จะได้รับโอกาสดีๆ เข้ามาตลอด และประสบความสำเร็จ”
เมื่อถามถึงสิ่งสำคัญและคำแนะนำที่ปราโมทย์อยากฝากถึงน้องๆ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง รวมถึงคนที่กำลังมุ่งหน้ามองหาความสำเร็จ ปราโมทย์ให้คำตอบกับเราว่า
“สำหรับคนที่อาจจะกำลังมองหาเส้นทางชีวิตของตัวเองอยู่ ก็อยากจะให้มองหาสิ่งที่เราชอบและรักที่จะทำก่อนครับ พอเรารักเราชอบในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราอยากจะทำหรือสนใจ เชื่อได้เลยว่าทุกคนจะอยู่กับมันอย่างมีความสุข และเราจะทำมันได้สำเร็จ ไม่ว่ามันจะยากหรือง่ายแค่ไหน แต่สมมติว่ามันเป็นสิ่งที่เรารัก เชื่อได้เลยครับว่ามันจะสำเร็จในสักวันอย่างแน่นอน เหมือนกับตัวผมที่ชอบเรียนจัดดอกไม้ ผมก็เรียนจนประสบความสำเร็จ เพราะว่าเราชอบ แต่ถ้าเราเรียนแล้วไม่ชอบ มันก็ยากที่จะประสบความสำเร็จใช่ไหมครับ
“ส่วนสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จก็คือความมุ่งมั่นพยายาม ซึ่งก็เหมือนกับหนังสั้นสร้างแรงบันดาลใจเด็กอาชีวะเรื่อง ชงด้วยเลิฟ เสิร์ฟด้วยรัก ของมูลนิธิเอสซีจีที่เพิ่งออนแอร์ และมีประโยคที่ผมประทับใจที่บอกว่า ‘ยิ่งรัก…ยิ่งต้องพยายาม’ คือเราต้องมีความอดทน มีความทะเยอทะยาน เราต้องหมั่นเพียรที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ผมว่าสิ่งเหล่านี้มันจะทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จได้ในที่สุดอย่างแน่นอนครับ”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- มูลนิธิเอสซีจี เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนา ‘คน’ โดยมุ่งเน้นที่เด็กและเยาวชนเป็นหลัก จึงได้จัดทำโครงการ ‘อาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ’ เพื่อมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่จบ ม.3 และเลือกเรียนต่อในสายอาชีพ ได้แก่ ประเภทวิชาอุตสาหกรรม, เกษตรกรรม, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และคหกรรม เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเลือกเรียนในสิ่งที่ตนชอบและถนัด โดยทุนนี้เป็นทุนให้เปล่า ไม่มีภาระผูกพันต้องใช้คืน ทั้งนี้นักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ โดยมูลนิธิเอสซีจี จะได้รับการส่งเสริมทั้งด้านศักยภาพ ความรู้ ตลอดจนการพัฒนาตนเองให้เป็นทั้งคน ‘เก่งและดี’ อีกด้วย