×

เลือกตั้ง 2566 : นฤมลนำทัพพลังประชารัฐ ปราศรัยธนบุรีเหนือ ขอโอกาสดูแลคนกรุงด้วยสวัสดิการประชารัฐ

โดย THE STANDARD TEAM
02.04.2023
  • LOADING...
พรรคพลังประชารัฐ

วันนี้ (1 เมษายน) พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนธนบุรีเหนือ ‘พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ’ ที่สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐอย่าง ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ สกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 5 เขต

 

ศ.ดร.นฤมลกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้ดีใจที่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ของพรรคพลังประชารัฐ ได้มาพบกับชาวฝั่งธนฯ เมื่อปี 2562 เราได้รับความเมตตาจากชาวฝั่งธนเลือกผู้สมัครจากพรรคของเรา ในปีนี้เราก็ขอความเมตตาอีกครั้ง แต่ขอเพิ่มเติมอีก 5 เขต นโยบายของพรรคเราครั้งนี้เป็นพรรคการเมืองแรกที่พูดถึงการดูแลสวัสดิการของพี่น้องประชาชนชาวไทย ไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อน ทุกพรรคการเมืองต่างนำถึงรัฐสวัสดิการทั้งหมด แต่เราคือภาพแรกที่เรียกว่า สวัสดิการประชารัฐ และเราไม่ใช่แค่พูด แต่พรรคได้ดำเนินการมาต่อเนื่อง ในการทำบัตรประชารัฐขึ้นตั้งแต่ปี 2561 โดยเริ่มต้นจากการดูแลกลุ่มเปราะบางก่อน ก็คือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีก็จะได้รับการดูแลจากภาครัฐ และในอนาคตบัตรประชารัฐจะดูแลครอบคลุมคนไทยทั้ง 67 ล้านคน ไม่จำเป็นจะต้องมีรายได้น้อยก็จะได้รับการดูแล

 

ศ.ดร.นฤมลกล่าวต่อไปว่า ชาว กทม. ควรมีสวัสดิการคนเมือง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลค่าน้ำ ค่าไฟ ดูแลเรื่องที่พักอาศัย เปลี่ยนจากค่าเช่าบ้านไปกลายเป็นเงินผ่อนบ้านในนโยบายบ้านประชารัฐ 360 องศา รวมไปถึงค่าเดินทาง ค่าไฟ ที่เป็นภาระในการใช้ชีวิตแต่ละวัน ซึ่งผู้สมัคร กทม. ของพรรคพลังประชารัฐ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของชาว กทม. จึงได้มาพูดคุยกันว่าจะใช้วิธีการใดที่จะไม่เกิดเป็นภาระต่อภาษีของประชาชน และมุ่งเน้นให้ประชาชนกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก เราต้องหาแหล่งเงินเพื่อพัฒนาประเทศ 

 

“เราจึงได้ข้อสรุปว่าจะใช้ศักยภาพของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศด้วยการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนที่จะมาพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) ที่มีพระราชบัญญัติรองรับอยู่แล้ว นำมาพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยกลไกของตลาดทุนจะเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามากขึ้น แทนที่เราจะเก็บภาษีคนรวยมาช่วยคนจน เราก็ให้คนที่มีเงินเหลือใส่เงินผ่านกองทุนแล้วใช้กลไกกำกับดูแลให้ SE ลงไปทำงานในพื้นที่ก็จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” ศ.ดร.นฤมลกล่าว

 

ศ.ดร.นฤมลกล่าวต่ออีกว่า การดำเนินงานดังกล่าวเป็นแนวทางที่หลายประเทศได้นำไปใช้แล้วเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมการแก้ไขปัญหาก็จะยั่งยืน ดังนั้นกองทุนดังกล่าวก็จะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มในท้องถิ่นเกิดขึ้น โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ก็จะเป็นผู้ประกอบการรายใหม่หรือธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยใช้แหล่งเงินจากส่วนนี้ทำให้เกิดการพัฒนาในท้องถิ่น กระจายความเจริญสู่ต่างจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ กทม. แต่พรรคพลังประชารัฐจะใช้กลไกนี้ทั่วประเทศ 

 

“การเลือกตั้งครั้งนี้ใช้บัตร 2 ใบ ผู้สมัครกับพรรคใช้คนละเบอร์กัน ต้องขอให้พี่น้องทุกคนจดจำหมายเลขของผู้สมัครให้ดี พรรคพลังประชารัฐ เรามองไปถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ได้ต้องมาแข่งเรื่องตัวเลขว่าพรรคการเมืองใดใครให้มากน้อยกว่ากัน แต่เราต้องการสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนทุกคน เราจึงต้องขอโอกาสประชาชนให้เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อที่เราจะเข้าไปสานต่อนโยบายดีๆ เพื่อคนไทยทุกคน” ศ.ดร.นฤมลกล่าวทิ้งท้าย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising