ในยุคที่ความงามเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน การดูแลตัวเองจึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนไทยยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจในรายละเอียดการเสริมความงามอย่างถูกต้อง ให้ความสำคัญกับมาตรฐาน โดยมีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
นอกจากการดูแลตัวเองโดยพื้นฐาน ปัจจุบันคนไทยหันมาให้ความสนใจกับเทรนด์การทำหัตถการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Botulinum Toxin A, ฟิลเลอร์ หรือการทำเลเซอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของคนยุคใหม่ที่ใส่ใจในการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะเทรนด์ความงามด้านผิวกระชับ เรียบเนียน มากกว่า Beauty Standard ยุคก่อนที่ให้ความสำคัญในเรื่องของความขาวกระจ่างใสเพียงอย่างเดียว
ด้วยความที่เทคโนโลยีความงามมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การติดตามข่าวสารและนวัตกรรมใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เราไม่พลาดโอกาสในการดูแลตัวเองด้วยวิธีที่ดีที่สุด
เพื่อตอบสนองความต้องการของสาวไทยยุคใหม่ที่ใส่ใจในความงามและต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง งาน Potenza™ ‘Unlocking Next-Level RF Microneedling in Aesthetics – Unveiling The New Technique’ จึงจัดขึ้นเพื่ออัปเดตเทรนด์ความงามและการใช้เทคโนโลยี ‘Potenza 4-Mode RF Microneedling’ จากแบรนด์ Cynosure ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ให้แพทย์ด้านความงามและคนในอุตสาหกรรมกว่า 150 คน ได้รับการถ่ายทอดเทคนิค และความรู้ความเข้าใจ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง รวมถึงมีการอัปเดตผลการวิจัยการใช้ Potenza ในการแก้ปัญหาผิวและการผลักยา จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ภายในงานอีกด้วย
Potenza 4-Mode RF Microneedling: นวัตกรรมเพื่อผิวเรียบเนียนอ่อนเยาว์ที่คนยุคใหม่ต้องรู้จัก
นพ.วิชัย หงส์จารุ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์และความงามชั้นนำของประเทศไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายในงานนี้ โดยระบุว่า Potenza 4-Mode RF Microneedling ถือเป็น RF Microneedling ชนิดหนึ่งที่จริงๆ เป็นเทคโนโลยีที่มีมานานแล้ว แต่เครื่องดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นอีกเพราะเป็นครั้งแรกที่สามารถปล่อยคลื่น RF หลายชนิด ทั้ง Monopolar และ Bipolar รวมถึงความถี่ 1&2 MHz มาไว้ด้วยกันในเครื่องเดียว
ถ้าพูดถึง Monopolar หลายคนที่คุ้นเคยกับการทำหัตถการความงามน่าจะรู้จัก เพราะเป็นการปล่อยคลื่นวิทยุผ่านผิวชั้นหนังกำพร้า ซึ่งบางครั้งทำให้ผลการรักษาไม่แน่นอน ไม่สม่ำเสมอ ฉะนั้นการที่จะนำพลังงานผ่านชั้นหนังกำพร้าเข้าไปโดยใช้เข็มนำอย่าง RF Microneedling น่าจะได้ผลที่เสมอต้นเสมอปลายมากกว่า และการมีเข็มเองก็ไม่ได้เจ็บมากอย่างที่คิด
ขณะเดียวกันในการรักษาที่ต้องใช้พลังงานเฉพาะจุดก็สามารถเลือก Bipolar มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีหลุมสิวที่เป็นมากๆ การรักษาฝ้า หน้าแดงจากเส้นเลือดฝอย หรือการรักษาที่ต้องการเน้นในเรื่องงานผิว การปล่อยคลื่นแบบ Bipolar จึงมีความสำคัญ ทำให้แพทย์สามารถเลือกใช้คลื่น Monopolar ในด้านการกระชับผิว หรือหากต้องการใช้รักษาฝ้า หลุมสิว ก็สามารถเลือกใช้ Bipolar ได้ จึงเกิดเป็นความหลากหลายในการรักษา เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน สิ่งนี้แตกต่างจากในอดีตที่ตัวเครื่องในเทคโนโลยีกลุ่มนี้ก็จะมีแค่คลื่น Bipolar เพียงอย่างเดียว
“การที่รวบรวมทั้ง Monopolar และ Bipolar ความถี่ 1&2 MHz เอาไว้ภายในเครื่องเดียว ทำให้แพทย์สามารถเลือกได้ว่าอยากให้พลังงานที่ปล่อยออกมาอยู่เฉพาะที่หรือกระจายออกไป เปรียบเหมือนจิตรกรรมที่แพทย์สามารถเลือกเองได้ว่าอยากวาดภาพออกมาแบบไหน”
นพ.วิชัย ขยายความต่อว่า การที่มี Monopolar เข้ามาทำให้ผลข้างเคียงในระยะยาวแทบจะไม่มีเลย โดยจะมีรอยแดงหลังทำหัตถการแค่ 2-3 ชั่วโมง ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ต่างจากในอดีตที่มีรอยแดงอยู่นานกว่าและมีสะเก็ดแผลด้วยอยู่ราว 1 สัปดาห์ แต่ตอนนี้เหลือเพียง 1 วัน ส่วนความเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำนั้นแทบไม่เกิดขึ้นเลย
หลังจากได้ใช้เครื่องมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ในภาพรวม นพ.วิชัย พบว่าดีมากสำหรับการกระชับผิวในบริเวณเหนียงที่มีขนาดใหญ่ ห้อยและย่น รวมถึงตัวเครื่องยังสามารถนำตัวยาเข้าไปในผิวได้ลึกและกระจายตัวได้ดียิ่งขึ้นผ่านเข็ม ทำให้ได้ผลลัพธ์ในเรื่องผิวและผลักตัวยาเข้าไปในผิวด้วย
หรือการปลูกผมก็ทำให้โอกาสการเกิดใหม่ของผมมีมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าตัวเครื่องสามารถใช้ได้กับแทบทุกส่วนของร่างกาย แม้กระทั่งกระชับหน้าท้องที่มีความหย่อนคล้อยได้เช่นกัน
เมื่อมองไปยังพฤติกรรมของผู้บริโภคพบว่า คนไทยแทบทุกวัยต้องการให้หน้าเข้าไปอยู่ในกรอบหรือทรงที่ต้องการ ส่วนในคนที่อายุมากขึ้นด้วยไลฟ์สไตล์ก็ต้องการภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งอย่างน้อยๆ ก็อยากให้ลูกหลานเห็นว่าหน้าไม่เศร้า ดังนั้นการยกกระชับทำให้ลักษณะบางอย่างเช่นร่องแก้มหรือมุมปากที่ดูดุตลอดเวลาทำให้ดูดีขึ้นได้
“การดูแลหลังทำ ด้วยความที่เครื่องมีเข็มอยู่ทำให้หน้าเกิดเป็นรูเล็กๆ ในวันแรกก็อยากให้ล้างมือก่อนที่จะจับที่ใบหน้า ส่วนครีมก็สามารถทาได้ปกติ ยกเว้นการแต่งหน้าที่ควรเว้นไปประมาณ 3-4 วัน” นพ.วิชัย กล่าวแนะนำ
ศาสตร์และศิลป์แห่งการปรับแต่งรูปหน้าด้วย Potenza 4-Mode RF Microneedling
นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามอีกท่านหนึ่งที่มาร่วมบรรยายในงาน ได้กล่าวถึง Potenza 4-Mode RF Microneedling ที่สนใจในเทคโนโลยีของ RF Microneedling ถึงแม้จะมีมาราวๆ 10 ปี แต่ก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ คือตัวพลังงานที่ออกมามีความลึก ความแม่นยำดีขึ้น ส่วนตัวหัวปล่อยพลังงานก็มีการดีไซน์ที่ช่วยโฟกัสความลึกในแต่ละชั้นของผิวหนังได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ผิวหนังและความงามให้การติดตามมาโดยตลอดว่าจะมีอะไรใหม่ๆ มาบ้าง
อย่าง Potenza 4-Mode RF Microneedling มีจุดที่แตกต่างคือสามารถปรับได้ทั้งความถี่ของคลื่น 1&2 MHz ทำให้มีการเลือกใช้ได้ทั้ง 2 ระดับจะลึกมากๆ โฟกัสมากๆ ใหญ่มากๆ หรือโฟกัสเป็นจุดๆ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้เครื่อง อีกจุดคือเรื่องของการมีประเภทของ RF ที่มีทั้ง Monopolar และ Bipolar จะทำให้แพทย์สามารถโฟกัสที่ชั้นผิวเป็นชั้นๆ ก็ได้ หรือลงลึกกวาดลงไปด้านล่างสำหรับการยกกระชับก็ได้ กลายเป็นจุดเด่นของเครื่องที่มีความหลากหลายที่ปรับได้ทั้งความถี่และการส่งพลังงาน
“ปกติแล้วคนไข้ 1 คน ไม่ได้มีความต้องการอย่างเดียว สังเกตได้ว่าในยุคนี้ที่เข้ามาเพื่อยกกระชับหน้าแล้วกลับไป แต่ตอนนี้เราเข้าสู่ยุค Customization คนไข้และแพทย์มีความเข้าใจมากขึ้น จะเห็นได้ว่าคนไข้ 1 คน มีปัญหาผสมผสานกันทั้งความหย่อนคล้อย คุณภาพผิว รูขุมขน รอยสิว ริ้วรอยต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าเราปรับได้ถูกต้องจะสามารถจบได้ในเครื่องเดียว”
นพ.สมิทธิ์ ขยายความต่อว่า แต่ก่อนอาจจะจำเป็นที่ทำให้คนไข้จ่ายเงินเพิ่มเพื่อทำหลายๆ อุปกรณ์ Potenza จึงเข้ามาตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการยกกระชับ การปรับปรุงคุณภาพผิว การแก้ไขริ้วรอย รวมไปถึงล่าสุด การผลักยาบางอย่างเข้าไปในผิวด้วย ดังนั้นคนไข้จะคุ้มค่ามากขึ้นถ้าแพทย์สามารถปรับให้คนไข้แก้ไขโจทย์ต่างๆ ในการทำหัตถการในครั้งเดียว
อีกอันที่เป็นเสน่ห์ของเครื่องตระกูลนี้คือการหวังผลในการฟื้นฟูโครงสร้างผิวหน้ากลับมาอีกครั้ง ผลที่ได้เป็นการฟื้นฟูผิวระยะยาว ซึ่งทำไปแล้วเกิดโครงสร้างคอลลาเจนใหม่ จึงไม่ใช่การทำที่หวังให้เกิดผลในระยะสั้น แต่ต้องทำต่อเนื่องเพื่อคงไว้ซึ่งผลการรักษา และพัฒนาต่อยอดเพื่อยกระดับผลลัพธ์ขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้าใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ผลของการทำ 1 ครั้งก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงและให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานขึ้นกว่าปกติแล้ว แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับว่าต้องการแก้ไขปัญหาผิวในเรื่องใด ซึ่งจะมีจำนวนครั้งที่ทำและระยะเวลาที่แตกต่างกัน
นพ.สมิทธิ์ ได้กล่าวถึงประสิทธิภาพของ Potenza เพิ่มเติมว่า สามารถใช้ในเรื่องของการปรับรูปหน้าที่เกิดจากผิวไม่กระชับ การลดชั้นไขมันในบางส่วน ซึ่งก็มีงานวิจัยมารองรับ การปรับคุณภาพผิว เช่น ลดเลือนริ้วรอย ผิวเรียบเนียน หรือลดรอยแผลเป็นก็ทำได้ และคาบเกี่ยวไปถึงการกระตุ้นคอลลาเจน อิลาสติน และ Hyaluronic Acid ที่ทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื่น จึงเป็นเครื่องที่ทำงานได้ค่อนข้างหลากหลาย แล้วตัวซอฟต์แวร์ก็นำมาตอบโจทย์แพทย์ มีทั้งโหมดเบสิกสำหรับผู้เริ่มต้น และสามารถเรียนรู้ไปกับเครื่องได้
“ส่วนตัวได้เรียนรู้หลายเรื่องจากการใช้เครื่อง โดยเฉพาะการที่ไม่ได้เข้าใจเฉพาะการใช้เครื่องมืออย่างเดียว แต่เป็นการเข้าใจปัญหาของคนไข้ สิ่งที่เกิดขึ้นใต้ผิว และการใช้พลังงานได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นจึงเป็นตัวที่เปิดประตูสู่ RF Microneedling ที่สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้ตลอดชีวิต”
นพ.สมิทธิ์ ย้ำว่า RF Microneedling เป็นการรักษาแบบหนึ่งที่ค่อนข้างคาดเดาผลลัพธ์ได้ ซึ่งงานวิจัยก็แสดงตัวเลข 30-50% ถือว่าค่อนข้างมาก เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับคนไข้ในประเทศไทยที่มีสีผิวที่หลากหลาย เนื่องจากคลื่น RF ใช้น้ำในผิวเป็นตัวกลางในการส่งผ่านพลังงาน และพลังงานจะไม่ถูกดูดซับด้วยเม็ดสีในผิวของคนไข้ จึงทำให้เป็นข้อได้เปรียบกว่าเทคโนโลยีหรือเครื่องมือประเภทอื่นที่จะมีข้อจำกัดในเรื่องการนำมารักษาในคนที่มีผิวสีเข้ม เนื่องจากอาจเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำหลังการรักษาได้
“ส่วนตัวมองเทคโนโลยีเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น ประสบการณ์ของผู้ยิงและผู้บริโภคเองมีความสำคัญมากเหมือนกัน ตัวคนไข้เองก็ต้องเข้าใจว่าเครื่องมีไว้ทำอะไรบ้าง ทั้งดีไซน์ยกกระชับ และปรับปรุงคุณภาพผิว”
อีกทั้งการที่น้ำเป็นตัวกลางในการส่งผ่านพลังงาน ถ้าไม่ได้มีอุปนิสัยที่ดูแลผิวให้ชุ่มชื่นหรือมีปัญหาผิวแห้งมากๆ อาจจะไม่เหมาะกับเครื่องนี้ หากจะทำต้องปรับปรุงเรื่องความชุ่มชื่นของผิวก่อน อีกกลุ่มที่ไม่เหมาะคือคนที่สูบบุหรี่ เพราะกลไกการฟื้นฟูผิวจะช้ากว่าเมื่อเทียบกับคนทั่วไป หรือผู้หญิงที่อยู่ในวัยทองอาจจะต้องมาปรับปรุงคุณภาพผิวด้วยวิธีอื่นๆ ร่วมด้วย
สมัยก่อนเครื่องมือที่เกี่ยวกับคุณภาพผิวคนไทยมักมองไปด้านเดียวคือเม็ดสี มุ่งไปที่ความกระจ่างใสเป็นหลัก แต่ตอนนี้มีมากกว่านั้น สีเป็นแค่ด้านเดียวเท่านั้น อีก 3 ด้านคือความเรียบ ความกระชับ และสุขภาพดี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างยากและต้องมีเครื่องมือเฉพาะในการเข้ามาดูแล
“ยิ่งเราคิดเยอะก็จะทำได้มหาศาล เปรียบเหมือนสีถาดเดียวกัน พู่กันเหมือนกัน แต่วาดออกมาได้ต่างกันขึ้นอยู่กับทักษะของแพทย์ด้วย”
นพ.สมิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันอุปกรณ์พัฒนาขึ้นมาก เราล้วนแล้วแต่ต้องพัฒนาทั้ง 2 ฝั่ง อย่างแพทย์ตอนนี้เจอความซับซ้อนของเครื่องมือเยอะขึ้น เราจึงยิ่งต้องพัฒนาทักษะอย่างมากในด้านความรู้ความเข้าใจพื้นฐาน พัฒนาตัวเองตลอด ส่วนผู้บริโภคเองก็ควรจะมีความรู้ความเท่าทันด้วย ที่ต้องคิดและวิเคราะห์ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ พัฒนาขึ้นมานั้นตอบโจทย์สำหรับเราเองหรือเปล่า
ด้วยเหตุนี้ “การพบแพทย์ทางด้านความงามไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย เราสามารถคุยกันและวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งอย่างเป็นเหตุเป็นผลและวิทยาศาสตร์ เพื่อทำให้เกิดการปรับปรุงแก้ไขได้จริง ซึ่งอาจจะส่งผลไปยังการป้องกันโรคหรือป้องกันปัญหาอื่นในอนาคตได้เลย”
Potenza 4-Mode RF Microneedling: นวัตกรรมความงามที่ตอบโจทย์เทรนด์ความงามในปี 2024
สำหรับ Potenza เป็นเทคโนโลยีความงาม RF Microneedling ด้วยนวัตกรรม 4-Mode RF Microneedling ที่รวบรวมทั้ง Monopolar และ Bipolar RF ความถี่ 1&2 MHz ไว้ภายในเครื่องเดียว
Potenza 4-Mode RF Microneedling ถือเป็นเทคโนโลยีความงามเครื่องแรกของโลก ที่เข้ามายกระดับนวัตกรรม Microneedling ที่มีความหลากหลายของระบบการทำงาน สามารถปรับการตั้งค่าและออกแบบการรักษาทุกปัญหาผิว ทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของคนไข้แต่ละคน
นอกจากนั้นยังมาพร้อมหัว Tip ที่หลากหลาย รวมถึง Fusion Tip สำหรับใช้ในการผลักยา ทั้ง CP-21 ที่เป็นตัวต้นแบบ และ CP-25 ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น 280% ทำการรักษาได้เร็วกว่าเดิม 250% และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม 100%
ด้วย 4 โหมดการทำงาน และหัว Tip ต่างๆ เช่น Tiger Tip, Fushion Tip, Insulated Needles และ Single Insulated Needles ทำให้ Potenza สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ความหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้าง หรือแม้แต่ปัญหาสิว
ด้วยเหตุนี้ Potenza 4-Mode RF Microneedling จึงเป็นนวัตกรรมความงามที่สาวไทยยุคใหม่ไม่ควรพลาด ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า และความยืดหยุ่นในการปรับใช้ของ 4-Mode RF Microneedling จะช่วยปลดล็อกผิวอ่อนเยาว์และความงามที่แท้จริงให้กับคุณ
สอดคล้องกับแนวคิดหลักของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองท่านที่ถ่ายทอดในงาน Potenza™ ‘Unlocking Next-Level RF Microneedling in Aesthetics – Unveiling The New Technique’ ว่าการยิงพลังงานที่สูงเพื่อเน้นการลงไปสลายชั้นไขมัน เน้นให้หน้าผอม หน้าตอบ โครงหน้าซูบเรียว ไม่มีแก้ม เป็นเทรนด์ความงามที่ตกยุค และไม่ใช่ Beauty Standard ที่ถูกต้องอีกต่อไป เพราะไขมันก็มีประโยชน์กับความสวยงามของผิวหน้าในแบบที่เป็นธรรมชาติ อยู่ที่การดีไซน์ให้เหมาะสมและพอดีกับแต่ละคน ซึ่ง Potenza ตอบโจทย์การสร้างเอกลักษณ์ด้านความงามที่เหมาะสมกับแต่ละคนโดยเฉพาะได้เป็นอย่างดี
รวมถึงบอกต่ออีกหนึ่งเทรนด์ความงามในปี 2024 ว่าการยิงพลังงานด้วย RF Microneedling ไม่ได้จำเป็นต้องใช้พลังงานสูงมาก ผลลัพธ์ถึงจะออกมาดีอย่างที่หลายคนเข้าใจ แนวคิดที่ว่าการยิงต้องใช้พลังงานเยอะ ยิ่งเจ็บ ยิ่งแรง ยิ่งดี ถือเป็นชุดความคิดที่ผิด เพราะความสำคัญที่สุดคือการปรับใช้ให้ถูกต้องกับชั้นผิว เหมาะสมกับสภาพผิว และปัญหาผิวของแต่ละบุคคล เลือกใช้พลังงานให้เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้ ปรับใช้ให้พอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพื่อสร้างสรรค์ความงามอย่างเป็นเอกลักษณ์และไม่ทำร้ายผิว ซึ่งเป็นเทรนด์การรักษาที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน