พระเจ้ามีจริงหรือเปล่าคงต้องแล้วความเชื่อความศรัทธา แต่ถ้าลองคิดเล่นๆ ว่า ‘พระเจ้ามีจริง’ บางทีโชคชะตาของคนเราก็คล้ายๆ กับเกม Crossword ที่ใครสักคนส่งคำใบ้มาให้ ขณะเดียวกันก็มีปริศนาอีกหลายช่องที่เราคงต้องคิดๆ เขียนๆ ลบๆ เพื่อค้นพาคำตอบที่ ‘ใช่’ ด้วยตัวเอง
4 นักดนตรีอย่างโปเตโต้เองก็เช่นกัน วันนี้ในขวบปีที่ 17 ของวง นอกจากพวกเขาเตรียมตัวจะปล่อยซิงเกิลล่าสุด ‘เท่าไหร่ไม่จำ’ ในวันที่ 27 กรกฎาคม แถมแฟนวงยังมีข่าวดีเพิ่มเพราะอัลบั้ม ‘เต็มชุดที่ 7’ จะมีกำหนดคลอดภายในปีนี้อีกด้วย แต่สิ่งที่มากไปกว่านั้นคือการเรียนรู้และหาคำตอบร่วมกันว่า ณ วันนี้ของวงโปเตโต้กำลังเดินทางด้วยนิยามชีวิตนักดนตรีในแบบไหน
THE STANDARD ชวนวงโปเตโต้มาเล่น Crossword คิดคำที่เกี่ยวกับวงดนตรีที่พวกเขาใช้ชีวิตเติบโตมาพร้อมๆ กับมัน
สมาชิกวง
ปั๊บ-พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข (ร้องนำ), โอม-ปิยวัฒน์ อนุกูล (เบส), หั่ง-ทีฆทัศน์ ทวิอารยกุล (กีตาร์) และ กานต์ อ่ำสุพรรณ (กลอง)
[ P ] LAY = เล่น
ปั๊บ: Play ที่แปลว่า ‘เล่น’ คือเราเล่นดนตรีด้วยกันมาในชื่อวงโปเตโต้ ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 17 และกำลังจะเข้าสู่อัลบั้มชุดที่ 7 ซึ่งมีชื่อชุดว่า chud-tee-jed (ชุดที่เจ็ด) ซิงเกิลล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมามีชื่อเพลงว่า ‘เท่าไรไม่จำ’ เป็นเพลงช้าในรอบ 3 ปีครับ และที่สำคัญมันเป็นเพลงที่พวกผมนิยามกันว่าเป็นสไตล์เก่าแก่ เป็นโอลด์สคูลสไตล์ที่แบบเราไม่ได้ทำมานานแล้ว พอบวกกับเนื้อหาที่เป็นชุดความคิดของพวกเราในปัจจุบัน
หั่ง: ผมว่ามันเป็นเพลงให้กำลังใจ คนฟังอาจจะรู้สึกว่าเป็นเพลงอกหักหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วผมว่าเพลงมันมองได้ 2 มุมเลย คนที่สมหวังอยู่ก็ฟังได้ ยิ่งเติมเต็มความรู้สึกดีๆ ส่วนคนที่อกหักก็ฟังได้ ฟังแล้วรู้สึกมีกำลังใจที่จะค้นหาความรักที่ดีๆ ต่อไป
ปั๊บ: เนื้อหาของเพลงพูดถึงว่าเวลาที่เราเจอใครสักคนที่มั่นใจ คนที่พร้อมจะใช้ชีวิตกับเรา เรื่องเสียใจที่ผ่านมาทั้งหมดมันก็ไม่ได้น่าจดจำสักเท่าไร เราควรจำแต่เรื่องปัจจุบัน จำแต่เรื่องที่ดีๆ
จริงๆ คีย์เวิร์ดตอนแรกมันมาจากการที่เราคุยกันว่าเวลาเราเสียใจหรือผิดหวังกับความรัก บางทีคนส่วนใหญ่มักจะไปโทษว่าความรักมันห่วย ความรักมันแย่ แต่พอมานั่งคุยกัน เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วความรักมันก็ไม่ได้ผิดอะไร มันก็มีของมันอยู่แล้ว มีแต่คนนี่แหละที่อาจจะดูแลมันได้ไม่ดีพอ อาจจะใส่ใจมันน้อยเกินไป เพราะฉะนั้นเวลาเสียใจก็ไม่ต้องไปโทษว่าเป็นเพราะความรักครับ
เป็นเพลงช้าครั้งแรกในรอบ 3 ปี ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงเพิ่งกลับมาทำเพลงอีกในตอนนี้
ปั๊บ: เราเป็นพวกนักทดลองครับ ถ้าหลายคนกลับไปฟังเพลงของวงโปเตโต้ จะพบว่าจริงๆ เรามีเพลงที่คนรู้จักในวงกว้างบ้าง หรือไม่ค่อยรู้จักบ้าง ซึ่งนั่นเกิดจากการที่พวกเราเป็นคนชอบลองทำอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากปล่อยเพลง ‘ทิ้งไว้กลางทาง’ พวกเราก็ไปลองทำอะไรแบบอื่น คือมีทั้งเพลงหนักๆ เพลงซีเรียส ทดลองมาหลายแบบ จนรู้สึกว่า ณ ตอนนี้มันถึงจังหวะเวลาของมัน
หั่ง: จริงๆ แล้วทิศทางของวงในพีเรียดหลังๆ เราอยากทำงาน อยากเล่นดนตรีโดยไม่ต้องไปฟิกซ์ว่า เฮ้ย อันนี้มันคือสไตล์ เราต้องทำอย่างนี้นะ
เราคุยกันเสมอว่าดนตรีมันเป็นศิลปะ ฉะนั้นในช่วงเวลาหนึ่ง โมเมนต์หนึ่ง ถ้าเราไปยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ เราก็จะไม่ได้ทำอะไรใหม่ๆ หรือไม่ได้ค้นหาทิศทางที่น่าสนใจเพิ่มเติม ซึ่งเหมือนกับเรากำลังจะย่ำอยู่กับที่
แต่ถ้าถามว่าผ่านไปสามปีแล้วทำไมกลับมาทำ คือเราใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกว่า เรามีแฟนเพลงนะ เรามีคนที่เขาให้กำลังใจเราเสมอ หลายๆ ครั้งเวลาไปเล่นตามคอนเสิร์ต พูดตรงๆ เวลาแฟนเพลงถามว่า “ทำไมไม่มีเพลงเพราะๆ เลย” แล้วแฟนเพลงที่พูดเนี่ย เขาคือคนที่คอยสนับสนุนเรามาตลอด เพลงไม่ดังก็สนับสนุน ให้กำลังใจ เพลงดังเขาก็แฮปปี้
ฉะนั้นเวลาที่เรารู้สึกว่าแฟนเพลงกำลังอยากได้ยินในสิ่งที่เขาอยากได้ยิน ผมว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราตอบแทนให้เขาได้ แล้วพอมานั่งคุยกัน เออ เพลงสไตล์นี้เราก็ไม่ได้ทำมานานแล้วนะ พอทำเพลงเพราะๆ เราฟังเองก็มีความสุข เราแค่ต้องหยิบเนื้อหาที่พอเหมาะพอดีกับปัจจุบันขึ้นมาทำ
[ O ] PPORTUNITY = โอกาส
ปั๊บ: ผมคิดว่าพวกผมโชคดีที่ได้รับโอกาสจากสังคมให้เราได้ทำเพลงต่อ (ยิ้ม) พอเราเดินทางไป ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าชื่อเสียงมันเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน แล้วมันก็ไม่ได้มีอยู่จริงด้วย
แต่สิ่งที่พวกเราได้มาจริงๆ คือโอกาสจากคนที่เรารัก จากแฟนเพลงวงโปเตโต้ ตรงนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เราได้ทำงานต่อ แล้วก็ทำให้พวกผมรู้สึกว่าต้องทำตรงนั้นให้ได้ดีที่สุด
หั่ง: ผมคิดว่าโอกาสเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุดของคำว่าโปเตโต้ เพราะการได้มาเล่นดนตรีด้วยกัน การมารวมกันในชื่อวงโปเตโต้ ถ้าไม่ได้มาอยู่ตรงนี้จะไม่มีโอกาสได้ทำ ได้เดินทางไปหลายๆ ที่ คือเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก แล้วอยู่ดีๆ ได้ไปเล่นดนตรีเมืองนอก ได้เดินทาง ได้ท่องเที่ยว ได้ไปทำกิจกรรมอะไรหลายๆ อย่าง ผมไปเจอคนตั้งเยอะตั้งแยะ ผมว่ามันเป็นโอกาสที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าเราไม่ได้มาอยู่ตรงนี้
เราอาจจะไม่ใช่คนร้องเพลงเก่งที่สุด ไม่ได้เล่นกีตาร์เก่งที่สุด เล่นเบสเก่งที่สุด พี่กานต์อาจจะไม่ใช่คนตีกลองเก่งที่สุด แต่เวลาพวกเราอยู่ด้วยกัน เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด
[ T ] IME = เวลา
ปั๊บ: ถึงแม้มันจะเป็นคำที่ถูกจำกัดความขึ้นมาให้เราเกิดการจัดการแล้วก็แบ่งให้มันดี แต่เวลาก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกผม (คิด) ถ้าพูดให้เห็นภาพ ทุกวันนี้เราก็ต้องทำงานแข่งกับเวลา ยิ่งพออายุมากขึ้น เรารู้สึกว่าเวลามันก็ผ่านไปเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นเวลาเป็นตัวบอกอะไรหลายๆ อย่างสำหรับเรา เช่น ในวันแรก โปเตโต้ อัลบั้มที่ 1 มันก็เป็นแบบหนึ่ง กาลเวลาผ่านไปถึงอัลบั้มที่ 2 วงโปเตโต้ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง อัลบั้มที่ 3 ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นเวลามันบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเรา วงของเราได้เรื่อยๆ
หั่ง: ถ้ามองว่าวงดนตรีเหมือนเด็กคนหนึ่ง วันแรกของโปเตโต้นี่ เด็กจริงๆ นะ เตาะแตะๆ เลย
ปั๊บ: เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสวยงามและขมขื่นไปในตัว (หัวเราะ)
หั่ง: ส่วนการเดินทาง 17 ปี ถ้าเป็นคนถือว่าเป็นหนุ่มแล้วนะ ซึ่งมันเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรบางอย่าง ถ้าเกิดมองในเชิงของเวลาจริงๆ เหมือนการได้มองเป็นภาพวิวัฒนาการมนุษย์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากลิงไปเป็นคน (หัวเราะ) มันมีพัฒนาการจากประสบการณ์ จากการใช้ชีวิต
ปั๊บ: วงโปเตโต้มีการเปลี่ยนแปลง มีการสูญเสีย มีการพบกันใหม่ มันเป็นเรื่องของชีวิตจริงๆ
หั่ง: ตัวผมเข้ามาในวงช่วงประมาณกลางๆ อัลบั้มชุดที่ 3 ผมเองก็ได้อยู่ร่วมในวงจรการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างของวง อย่างช่วงที่วงมีปัญหาโน่น นี่ นั่น ผมได้เห็นว่ามีแฟนเพลงที่หายไปเพราะเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้น แต่กลายเป็นว่าเมื่อเวลามันผ่านไป เวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้แฟนเพลงได้เห็นอะไรอีกหลายๆ อย่างด้วยเหมือนกัน
ปั๊บ: เวลาพิสูจน์ปัจจุบันครับ (หัวเราะ)
โอม: ถ้านับ 17 ปีของโปเตโต้ ตอนนี้โปเตโต้ก็เป็นแบบวัยฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่าน ตอนนี้เรากำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัวนะครับ จริงๆ ช่วงนี้กำลังดุเดือดเลือดพล่าน อยากให้ติดตามความวัยรุ่นของพวกเราไปนานๆ ครับ
ปั๊บ: จริงๆ เราพยายามจะเอาคำว่าโตออกไปเลยครับ พยายามจะคุยกันอยู่เสมอว่าทำในสิ่งที่เรารู้สึกกับมันจริงๆ แล้วโตมันก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่คิดเรื่องเด็กๆ นะครับ ทุกวันนี้เราก็ยังเล่นเกม เล่นของเล่นอยู่ เพราะฉะนั้นเพลงก็เหมือนกัน เพลงเราก็ต้องใส่ความรู้สึกที่มันสนุกสนาน ความเป็นเด็กมันก็มีความกล้าหาญ มีความไม่กลัวอยู่ในนั้นเต็มไปหมด
เพราะฉะนั้นถ้ามองอีกด้าน เวลามันก็เป็นเพียงเรื่องเล่า ว่าเราผ่านช่วงเวลานั้นๆ มาเท่าไรแล้ว ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นบทสรุปของสิ่งใด เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างย่อมต้องเปลี่ยนแปลง พัฒนา และเติบโตต่อไป ส่วนพวกผมจะเป็นอย่างไรนั้น ก็อยากให้ทุกคนได้ช่วยติดตามกันต่อไป
[ A ] TTITUDE = ทัศนคติ
ปั๊บ: ทัศนคติเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปตามประสบการณ์ คุณภาพชีวิต สิ่งที่เราต้องเจอ (หัวเราะ) ทุกเพลงเราจะคิดจากแอตติจูดก่อน ถึงแม้จะเป็นเพลงรักที่หลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นเพลงรักปกติ แต่ว่าทุกเพลงมันก็จะแฝงไว้ด้วยทัศนคติในสิ่งที่วงอยากแสดงออกมาเสมอ เราเน้นเรื่องนี้เป็นสำคัญ เพราะว่ามันเป็นตัวบอกคุณลักษณะของวงว่ามีทิศทางแบบไหน มีมุมมอง มีลักษณะความคิดแบบไหน ภาพรวมเขย่าออกมาแล้วเป็นอย่างไร
โชคดีที่เรามีทัศนคติคล้ายๆ กันอยู่หนึ่งเรื่อง คือเราเป็นวงที่มีทัศนคติในแง่บวกครับ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่คิดลบนะ (หัวเราะ) แต่สุดท้ายพอสรุปเรื่อง เราเลือกที่จะมองบวกก็แล้วกัน มันจะได้นำพาเราไปสู่เป้าหมายต่อไปได้
โอม: โปเตโต้เป็นวงที่เล่นดนตรีแล้วมองในจุดเดียวกันอยู่ คือเวลาเล่นบนเวที โปเตโต้ยังไม่ลืมความมัน ผมถึงบอกว่าโปเตโต้ยังวัยรุ่นอยู่ ยังเดือดได้อยู่ และเรามองในมุมเดียวกัน คือเราต้องเป็นวงที่โชว์แล้วสนุก อันนี้คือแอตติจูดอย่างหนึ่งที่เรามองเห็นด้วยกัน
กานต์: ล่าสุดผมเพิ่งไปเวิร์กช็อปกลอง มีน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับผม เขาบอกว่าเพลงของพวกพี่เดี๋ยวนี้มันเป็นเพลงที่เหมือนสอนให้คิดบวก คิดโน่นคิดนี่ ผมรู้สึกว่าเพลงนี้มันตรงกับชีวิตผม แล้วผมก็ทำตามเพลงพี่ เหมือนใช้เพลงพี่เป็นที่ยึดเหนี่ยวพาผมไปข้างหน้า
ผมดีใจ ก็เลยบอกมันว่า เออ จริงๆ วงกูตั้งใจทำอย่างนั้นมาตั้งนานแล้วนะ ถ้ามึงเห็นคุณค่าในเพลงกู กูโคตรดีใจเลย คือมึงตีโจทย์เพลงได้
ปั๊บ: น่ารักๆ ขอบคุณมากครับ
[ T ] EACH = สอน
ปั๊บ: กลายเป็นว่าโปเตโต้เขาสอนอะไรให้พวกผมเยอะ ให้อะไรกับชีวิตพวกผมเยอะ ทำให้เราได้เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้น ถึงแม้เราจะยังต้องทำความเข้าใจต่อไป แต่ผมเชื่อว่าวงนี้ก็จะสอนอะไรพวกผม อย่างน้อยก็สอนพวกเราให้พยายามทำอะไรแล้วก็ต้องนึกถึงคนอื่นเยอะๆ
หั่ง: จริงๆ พอเราคุยกันด้วยคอนเซปต์ ‘ครอสเวิร์ด’ ผมนึกขึ้นมาได้ว่าวงเราจะคุยกันเรื่องหนึ่งเสมอ คือเวลาวงเจอปัญหา ทะเลาะกันบ้าง หรือไม่ได้ดั่งใจบ้าง ทำงานแล้วไปเจอสิ่งที่ไม่ถูกใจ เราก็จะกลับมาคุยกันว่า เออ ไม่เป็นไร ก็เรียนรู้กันไป
การที่เราได้มาอยู่ในวง สิ่งที่เราเจอมาต่างๆ นานา มันคือวงโปเตโต้สอนเรา มันคือการเรียนรู้ผ่านการทำงาน เขาสอนให้เราทำ สอนให้เราใช้ชีวิต สอนให้เรารู้ว่าอยู่ด้วยกันต้องทำตัวอย่างไร ซึ่งการเรียนรู้มันไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แล้ว
[ O ] PEN = เปิด
ปั๊บ: ผมคิดว่าเรามาอยู่ร่วมกัน คำว่า ‘โอเพน’ มันเป็นสิ่งสำคัญนะ การเรียนรู้มันไม่มีขีดจำกัด การเติม การเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เป็นอะไรที่ดี เพราะมันทำให้เราได้เจอประตูบานใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ เราพยายามจะไม่มองว่าฉันรู้แล้ว ฉันเข้าใจแล้ว (หัวเราะ) เมื่อก่อนจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่เราคิดว่า เออ มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ เลย แต่สุดท้ายแล้วเหมือนเราไปเปิดประตู เพราะฉะนั้นผมว่าเราเป็นผู้ไม่รู้ดีกว่า แล้วเราก็เปิดประตูไปเรื่อยๆ เผื่อเราจะได้ทดลองอะไรใหม่ๆ มันน่าจะสนุกกว่า
หั่ง: โอเพนน่าจะเป็นบทสรุปที่ดีได้ทั้งหมด ผมว่าทุกๆ คำที่เราพูดขึ้นมาทั้งหมด ถ้าไม่มีคำนี้ มันไม่เกิดขึ้นเลยครับ การเปิดใจมันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่คนมักไม่ทำกัน แค่เปิดใจ ทุกอย่างมันจะง่ายหมด แต่ก่อนจะเปิดมันยาก เปิดใจรับฟัง เปิดใจรับว่าเขาเป็นแบบนั้น หรือเปิดใจรับว่าเราเป็นแบบนี้ แล้วทุกอย่างมันจะเบาสบายหมด ทุกวันนี้เราก็อยู่กันแบบนั้น คือพยายามโอเพนให้ได้กับทุกเรื่อง พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าเราจะโลกสวยอะไรขนาดนั้น เพราะก่อนที่เราจะโอเพน
ปั๊บ: เราก็โลกมืด เราก็ล่มมาแล้ว (หัวเราะ)
หั่น: ทุกวันนี้อยู่กันได้ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหา มีกันหมด เพียงแต่หลังจากเจอปัญหา เราจะไม่เปิด เพราะเราเรียนรู้มาแล้วว่าถ้าไม่คุย ไม่เปิดใจคุยกัน ทุกอย่างก็จะเป็นปัญหาอยู่อย่างนั้น ทุกวันนี้เวลามีปัญหา เราเลือกที่จะมาคุยกันก่อนเลย ใส่กันเลย ให้เข้าใจกัน
ปั๊บ: รวมถึงเวลาทำเพลงด้วยนะครับ พูดจริงๆ เวลาทำเพลงทุกวันนี้เราก็ยังตื่นเต้น เพราะเราเองก็ยังไม่รู้ว่าบทสรุปหรือว่าขีดจำกัดของสิ่งที่เราทำอยู่ มันจะไปถึงได้ตรงจุดไหน
ผมยังพยายามบอกผู้ใหญ่ที่บริษัทอยู่เสมอว่า ผมยังไม่หมดไฟนะ (หัวเราะ) ยังโอเพนอยู่ ยังอยากจะทำต่อ หมายถึงว่าเรายังอยากสร้างผลงานใหม่ๆ และไม่ได้อยากถูกมองว่า เฮ้ย เป็นวงโตแล้ว คือกลัวว่าเขาจะคิดว่าวงโตแล้ว งั้นก็ปล่อยเขาโตไป (หัวเราะ)
หั่ง: ภาษาในวงการเขาเรียกว่า เป็นวงรุ่นใหญ่แล้ว (หัวเราะ)
ปั๊บ: ทุกวันนี้เวลาไปสัมภาษณ์คลื่นวิทยุหรือไปเจอสื่อใหม่ๆ แล้วมีคนบอกว่า “หนูฟังเพลงพี่มาตั้งแต่ ป.4 เลย” ผมโอเคมาก ถือว่าเราโตมาด้วยกัน (หัวเราะ) ขอบคุณที่เปิดรับพวกผมเป็นเพื่อนนะครับ แล้วก็อยากให้ได้ลองเปิดรับพวกเราต่อไปเรื่อยๆ
โอม: ทุกวันนี้เลยต้องไปเปิดคอนเสิร์ตตามโรงเรียนมัธยม (หัวเราะ) ผมยังอยากกลับไปโชว์แบบนั้น เพื่อบอกให้รู้ว่า กูยังเป็นวัยรุ่นยุคมึงอยู่นะ ผมว่าเด็กยุคนี้เป็นยุคที่ถ้าสนใจอะไรแล้ว ความสนใจเขาอยู่แค่ข้างหน้า บางทีเราต้องเสนอหน้าไปให้เขาเห็นหน่อย
หั่ง: พูดจริงๆ คือเวลาไปเล่นแล้วสนุกครับ หลายๆ งานคือเวลาไปเล่นสิ่งที่ได้กลับมาเสมอคือเพิ่มพลังใจได้เลยครับ ความเป็นวัยรุ่นของน้องๆ เวลาเขาดูคอนเสิร์ตเขาไม่มีกั๊ก เขาจะไม่เหมือนวัยรุ่นตอนปลายหรือผู้ชมผู้ใหญ่ที่อาจจะต้องระวังฐานะทางสังคม แต่กับเด็กนักเรียนนี่ไม่ต้องห่วงเลย ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นเลยว่าความสุขมันคือพลังงานจริงๆ
[ P ] LAY
[ O ] PPORTUNITY
[ T ] IME
[ A ] TTITUDE
[ T ] EACH
[ O ] PEN
4 นักดนตรี ตลอดหลายปีที่เก็บเกี่ยวช่วงเวลาร่วมกัน
ปั๊บ: เอาจริงๆ มันก็มีทั้งโอเคและไม่โอเคนะครับ แต่เราก็เลือกจะมองในสิ่งที่มันดี
มีผู้ใหญ่หลายท่านสอนมาแล้วก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ดี คือเราควรจะมองจุดขาวในกระดาษดำมากกว่าที่จะไปมองจุดดำในกระดาษขาว
พวกผมโชคดีมากกว่าที่เลือกจะมองเรื่องที่ดี ผมก็มีข้อเสีย โอมก็มีข้อเสีย พี่กานต์ก็มีข้อเสีย พี่หั่งก็มีข้อเสีย แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้แปลว่าพวกเราไม่มีข้อดี เพราะฉะนั้นเวลาเราคุยกันเรื่องความสามารถของแต่ละคน เราอาจจะไม่ใช่คนร้องเพลงเก่งที่สุด ไม่ได้เล่นกีตาร์เก่งที่สุด เล่นเบสเก่งที่สุด พี่กานต์อาจจะไม่ใช่คนตีกลองเก่งที่สุด แต่เวลาพวกเราอยู่ด้วยกัน เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด
โอม: สำคัญที่สุด น้องๆ โปเตโต้ขอฝากเนื้อฝากตัวกับเพลงใหม่ เท่าไหร่ไม่จำ วันที่ 27 กรกฎาคมนี้จะได้ยินกันทั่วทุกสารทิศ ทุกช่องทาง ขอฝากมุมมองดีๆ จากเพลงนี้ ทุกคนต่างมีมุมมองของตัวเองอยู่แล้ว แต่มองมุมที่ดีๆ กับเพลงนี้ไปด้วยกันครับ