“ช่วงวัยเด็กนั้นแสนสั้น แต่เด็กหลายคนต้องเติบโตขึ้นมาภายใต้ความกลัว ผมจะทำงานให้หนักและมอบหัวใจทั้งหมดให้กับเด็กๆ ทุกคนบนโลก”
ประโยคสั้นๆ แต่ทรงพลังจากปากของ ชเวซีวอน สมาชิกวง Super Junior ที่ใช้ชื่อเสียงและความสำเร็จของซูเปอร์สตาร์เพื่อเป็นกระบอกเสียงพูดแทนเด็กๆ ที่ขาดโอกาสทั่วโลก ในฐานะทูตสันถวไมตรีคนใหม่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปฟิซิกจาก UNICEF
ชเวซีวอน เกิดเมื่อวันที่ 7 เมษายน 1986 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เขาถูกทาบทามโดยแมวมองของค่าย SM Entertainment เมื่ออายุ 16 ปี ก่อนจะเดินทางไปออดิชันโดยที่พ่อแม่ไม่ได้รับรู้จนกระทั่งออดิชันผ่าน แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ในที่สุดพ่อแม่ก็อนุญาตให้เขาเซ็นสัญญากับค่าย แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าพวกเขาจะไม่ให้การสนับสนุนลูกชายอีกต่อไป
หลังเข้ามาฝึกฝนและได้มีโอกาสปรากฏตัวในละครทีวีหลายครั้ง ช่วงปี 2005-2006 ซีวอนก็ได้กลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของวง Super Junior โดยมีผลงานเดบิวต์เป็นอัลบั้มอย่าง Super Junior 05 (Twins) ที่ปล่อยออกมาในเดือนธันวาคม ปี 2005 ก่อนจะตามมาด้วยเพลงฮิตทั้ง U, Sorry, Sorry, Mr. Simple, Bonamana, Sexy, Free & Single, Mamacita ฯลฯ
นอกจากนี้ชเวซีวอนยังมีชื่อเสียงจากงานแสดง โดยมีผลงานเรื่องแรกอย่างภาพยนตร์พีเรียดฟอร์มยักษ์ A Battle of Wits (2006) ในบท เจ้าชายเหลียงชี ซึ่งได้เบิกทางอาชีพสายการแสดงให้กับเขา ก่อนจะตามมาด้วยผลงานละครมากมายทั้ง Oh! My Lady (2010), Poseidon (2011), The King of Dramas (2012), She Was Pretty (2015)
เมื่ออยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จจนสามารถเลือกทำอะไรก็ได้ แต่ชเวซีวอนกลับเลือกใช้ชื่อเสียงที่เขาได้รับในการทำงานเพื่อสังคม เขาเริ่มสนใจเรื่องสิทธิเด็กและสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจังมาเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีขององค์การ UNICEF ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2015
ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างหนักโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งผลงานเพลงกับวง Super Junior ในอัลบั้ม Play, Pause (2017), Replay (2018) และงานแสดงซีรีส์ She Was Pretty (2015) รวมทั้งการร่วมแสดงในซีรีส์ Revolutionary Love (2017)
จนเมื่อปี 2019 ชเวซีวอนก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีคนใหม่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปฟิซิกจาก UNICEF ที่ทำให้เขามีโอกาสช่วยเหลือเด็กๆ ในจำนวนที่มากขึ้นอย่างที่เขาเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า
“ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะมีวัยเด็กที่สวยงาม ช่วงวัยเด็กนั้นแสนสั้น แต่เด็กหลายคนต้องเติบโตขึ้นมาภายใต้ความกลัว ไม่มีเวลาให้เสียอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพูดคุยเรื่องสิทธิของเด็กอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกที่เราต้องทำงานด้วยกัน เพื่อให้เด็กทุกคนเข้าถึงการศึกษา เข้าถึงสุขภาพที่ดี เข้าถึงความสุข และได้รับสิทธิทุกอย่างที่เขาควรได้รับ”