ย้อนกลับไปวันนี้เมื่อปีก่อน ช่วงที่โลกกำลังต่อสู้กับโควิดอย่างหนักหน่วง คือวันที่ Emily in Paris ออกฉายครั้งแรก ซึ่งภายหลังไม่นานก็กลายเป็นหนึ่งในผลงานยอดฮิตของ Netflix ที่นอกจากจะมอบความบันเทิง ช่วยให้ผู้ชมหลีกหนีความจริงอันโหดร้ายแล้ว ยังทำให้หลายคนอยากจองตั๋วเพื่อบินไปเที่ยวฝรั่งเศสทันที
Emily in Paris เป็นซีรีส์แนวคอเมดี้ที่มีส่วนประกอบของความโรแมนติกอยู่ทุกอณู กำกับโดย Darren Star ผู้ปลุกปั้นซีรีส์สุดคลาสสิกอย่าง Sex and the City (1998-2004) ส่วนเนื้อหาเล่าถึง เอมิลี คูเปอร์ (Lily Collins) นักการตลาดสาวชาวอเมริกันจากเมืองชิคาโก ผู้จับพลัดจับผลูได้ไปแสดงความสามารถกับบริษัทการตลาด Savoir ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และถูกมอบมายภารกิจสำคัญให้เข้ามาเติมเต็ม ‘มุมมองแบบอเมริกัน’ แก่คนภายในบริษัท
ซึ่งด้วยเหตุนี้เองเอมิลีจึงต้องดิ้นรนและเผชิญกับปัญหาหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นภาษา, การปรับตัวเข้าสู่สังคมชาวปารีเซียง, การสื่อสารในที่ทำงาน, ความแตกต่างด้านวัฒนธรรม, การดีลกับความสัมพันธ์ยุ่งยากของคนรอบตัว ตั้งแต่เพื่อนชาวจีนผู้อพยพ เชฟหนุ่มที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ไปจนถึงหัวหน้าหญิงจอมเนี้ยบที่จู้จี้เธอไม่เลิก
แม้พล็อตจะค่อนข้างคลิเชและหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก แต่ต้องยอมรับว่า Emily in Paris เป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และภาพเพ้อฝัน ซึ่งสามารถทำให้ผู้ชมคล้อยตามได้ง่าย นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมากคือแฟชั่น ที่ต้องยกความดีความชอบให้ Patricia Field สไตลิสต์ผู้เคยทำให้ตัวละคร Carrie Bradshaw ใน Sex and the City กลายเป็นไอคอนแห่งวงการมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่นักวิจารณ์หลายคนมองว่าสำคัญสุดใน Emily in Paris คือการปะทะทางวัฒนธรรมระหว่างคนอเมริกันและคนฝรั่งเศส ซึ่งตัวซีรีส์นำเสนอออกมาได้อย่างเจ็บแสบ จนเคยเกิดเป็นดราม่าที่ถูกผู้ชมและสื่อเมืองน้ำหอมโจมตีว่าเป็นผลงานที่นำเสนอภาพกรุงปารีสแบบเกินจริง แถมมีการสเตอริโอไทป์ให้คนฝรั่งเศสดูแย่ แต่ถึงอย่างนั้นกระแสความนิยมของมันก็ยังดีอยู่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะอเมริกาและไทยแลนด์บ้านเรา ที่แฟนๆ ต่างรอคอยซีซันใหม่อย่างใจจดใจจ่อ
ภาพ: Netflix