ฉากเต้นเพลง Jingle Bell Rock ของสี่สาวแก๊งพลาสติกคงเป็นฉากในตำนานที่ใครๆ ก็ต้องจำได้ หลังจากชมภาพยนตร์เรื่อง Mean Girls ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้ยังเป็นภาพยนตร์ไฮสคูลในดวงใจ เพราะนอกจากความฮาและความสนุกสนานที่เปี่ยมล้น Mean Girls ยังตีแผ่ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมวัยรุ่นของสาวไฮสคูลซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อทั้งพฤติกรรมและสภาวะจิตใจ
ภาพยนตร์เข้าฉายในอเมริกาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2004 กำกับโดย มาร์ก วอเตอร์ส และเขียนบทโดยนักแสดงตลกมากความสามารถอย่าง ทีน่า เฟย์ ซึ่งนำเค้าโครงเรื่องส่วนหนึ่งมาจากหนังสือพัฒนาตนเองของ โรซาลินด์ ไวส์แมน ชื่อ Queen Bees and Wannabes มาผสมเข้ากับประสบการณ์ส่วนตัวของเธอเองสมัยยังเรียนอยู่ที่ Upper Darby High School ในรัฐเพนซิลเวเนีย โดยได้นักแสดงวัยรุ่นยอดนิยมมารับบทบาท ซึ่งปัจจุบันหลายรายก็เติบโตเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงการ ไม่ว่าจะเป็น ลินด์เซย์ โลฮาน, ราเชล แม็กอาดัมส์, ลาเซย์ ชาเบิร์ต, อแมนดา ไซย์ฟรีด, ลิซซี แคปแลน, ดาเนียล ฟรานซิส และโจนาธาน เบนเนตต์
หนังเล่าเรื่องราวของ คาดี้ เฮรอน สาวโฮมสคูลวัย 16 ปีที่เพิ่งย้ายมาจากแอฟริกาและถูกส่งเข้าโรงเรียนครั้งแรกในชีวิต ทำให้เธอได้พบกับ เจนิส และเดเมียน สองเพื่อนใหม่ที่แนะนำให้เธอได้รู้จักอะไรๆ ในโรงเรียน ซึ่งรวมถึง ‘แก๊งพลาสติก’ กลุ่มสาวสวยสุดเฟกที่นำทีมโดย เรจินา นางพญาปากร้ายพร้อมลูกสมุนของเธออย่าง เกร็ตเชน และคาเรน เรจินาถูกชะตากับคาดี้โดยบังเอิญ จึงเชิญชวนให้มาร่วมแก๊ง แม้จะห้ามสุดชีวิต แต่สุดท้ายเจนิสและเดเมียนก็ยอมให้คาดี้เข้าไปร่วมก๊วนพลาสติก โดยรวมหัวกันวางแผนแก้เผ็ดเรจินาอยู่เบื้องหลัง ก่อนที่ทุกอย่างจะยิ่งอลหม่าน เมื่อคาดี้ดันไปตกหลุมรัก แอรอน แฟนเก่าสุดฮอตของเรจินา
Mean Girls ทำรายได้ไปกว่า 129 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างเพียง 17 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักวิจารณ์ โดยเฉพาะในเรื่องการแสดงและบทบาท อย่างในเว็บไซต์ Rotten Tomatatoes ที่ให้ความเห็นไว้ว่า “สนุกกว่าและเขียนบทได้ฉลาดกว่ามาตรฐานหนังตลกวัยรุ่นโดยทั่วไป”
ภาพ: Meangirls / Facebook
