วันนี้ (22 มิถุนายน) พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ คณะกรรมการข้า ราชการ ตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้ยื่นเรื่องให้ ก.ตร. พิจารณา 2 ครั้ง เพื่อให้ ก.ตร. มีมติให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยกเลิกคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน
โดย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในครั้งที่ 2 ได้แนบบันทึกของคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างที่ วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้สรุปว่าคำสั่งไม่ชอบ ซึ่ง ก.ตร. ได้ส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย หรืออนุฯ ก.ตร.วินัย พิจารณากลั่นกรอง ก่อนนำเสนอเข้า ก.ตร. ชุดใหญ่พิจารณาให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ โดยปกติหากอนุฯ ก.ตร. มีมติอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น
พล.ต.อ. เอก กล่าวว่า ก.ตร. อาจไม่เห็นด้วย และอาจมีมติให้ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ยกเลิกคำสั่ง เพราะถ้า พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ อยู่ดีๆ ไปยกเลิกคำสั่ง ตัวเองก็ติดคุก จะอ้างว่ากฤษฎีกามีความเห็นมาก็ไม่เพียงพอ อย่างที่ตนย้ำ ความเห็นของกฤษฎีกาอย่างที่วิษณุฟันธงเป็นเพียงแค่ข้อสังเกตเท่านั้น ไม่ใช่ความเห็น เพราะหากเป็นความเห็นของกฤษฎีกา ไม่ว่าใครถามอะไรไปต้องปฏิบัติตาม
ในกรณีดังกล่าว สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทำหนังสือสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาไป 2 เรื่อง เรื่องแรกถามว่าจะต้องกราบบังคมทูลหรือไม่ ส่วนเรื่องที่สองถามว่าจะต้องกราบบังคมทูลเมื่อไร แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบ 2 อย่างไม่พอ ยังเพิ่มข้อสังเกตมาด้วย ตรงนี้เคยมีคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดว่า หากหน่วยงานของรัฐสอบถามประเด็นในข้อกฎหมายเรื่องใด หากกฤษฎีกาชี้มาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น แต่กรณีนี้เป็นเพียงข้อสังเกตที่ไม่ได้มีการสอบถาม จึงเป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานว่าจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้
“คงต้องรอดูว่า ก.ตร. จะพิจารณาอย่างไร หาก ก.ตร. เห็นว่าวิษณุพูดมามีเหตุมีผลก็สั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกเลิกคำสั่ง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องที่แปลก เพราะเท่ากับ ก.ตร. มาหักอนุฯ ก.ตร. ที่เป็นลูกน้องตัวเอง” พล.ต.อ. เอก กล่าว
ฉะนั้นทางออกที่ดีควรจะรอการวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ซึ่งส่วนนี้มีผลผูกพันตามกฎหมาย ไม่เหมือนกับความเห็นของกฤษฎีกา เพราะการวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. กฎหมายบอกเลยว่าให้เป็นที่สุด หากชี้ว่าคำสั่งมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอุทธรณ์-ฎีกาอะไรไม่ได้เลย ต้องรับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กลับเข้ารับราชการทันที หากไม่ทำถือว่าผิดวินัย ต้องติดคุก แต่ในทางกลับกัน หากวินิจฉัยแล้วไม่เป็นคุณ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ก็ยังสามารถไปฟ้องศาลปกครองสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่า อนุฯ ก.ตร.วินัย ที่มี พล.ต.อ. วินัย ทองสอง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน ได้สรุปผลการพิจารณา โดยมีมติว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งลงนามโดย พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ชอบด้วยกฎหมาย
โดยหลังจากนี้จะนำเรื่องคำสั่งออกจากราชการเสนอเข้าที่ประชุม ก.ตร. ในวันที่ 26 มิถุนายน เพื่อพิจารณาลงมติ หาก ก.ตร. เห็นชอบเท่ากับว่าคำสั่งให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ออกจากราชการมีผลแล้ว แต่หาก ก.ตร. เห็นแย้ง และมีมติว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็อาจมีมติให้ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งต่อไป