วันนี้ (19 กรกฎาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ต ร่วมแถลงเปิดยุทธการระเบิดสะพานโจร โดยปฏิบัติการแรกคือเขตพื้นที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งคนร้ายได้มีฐานปฏิบัติการในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณโดยรอบคิงส์โรมัน สปป.ลาว
ปัจจุบันคิงส์โรมันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมมีสนามบินรองรับนักท่องเที่ยวจากไทย สปป.ลาว และเมียนมา ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อสุจริตชนตามแนวชายแดนไทย นอกจากนี้จะมีการขยายผลจับกุมดำเนินคดีกับผู้ให้บริการที่ผิดกฎหมาย เช่น ตู้ซิมที่ช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายในการลงทะเบียนซิมมาหลอกลวงประชาชน รวมทั้งจัดการกับกลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติและคนไทยที่ร่วมกันมาหลอกลวงทำร้ายคนไทยด้วยกันให้ถึงที่สุด
พล.ต.ท. ธัชชัย กล่าวว่า สำหรับการปิดสัญญาณแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีการใช้เครื่องมือพิเศษ ซึ่งรูปแบบการปิดจะปิดทั้งพื้นที่ เพราะสัญญาณของประเทศไทยไม่ควรข้ามไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มคอลเซ็นเตอร์อาจใช้วิธีการซื้อเครื่องดูดจับสัญญาณเพื่อดึงเข้าไปใช้ในการก่ออาชญากรรม
ยืนยันว่าการปิดสัญญาณดังกล่าวจะพยายามทำให้กระทบผู้ใช้งานจริงน้อยที่สุด สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลบริเวณพื้นที่ต้องสงสัย เพื่อปิดกั้นสัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือนั้น ทางผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจะใช้เครื่องมือในการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานว่ามีความเหมาะสมตรงกับการขออนุญาตไว้หรือไม่ เช่น หากมีการขอเปิดใช้งานในนามบุคคลแต่จากการมอนิเตอร์การใช้งานพบว่าอยู่ในระดับที่มากกว่าบุคคลทั่วไปใช้ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายเป็นพื้นที่ต้องสงสัยก็จะทำการตัดสัญญาณ
ส่วนกรณีมีการลากสายไฟเบอร์เข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านนั้น ส่วนใหญ่ที่พบจะอ้างว่าลากไปแค่แนวชายแดน ส่วนที่ข้ามไปฝั่งชายแดนไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร ตรงนี้จึงเป็นอีกช่องว่างหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการและดูเรื่องการเช่าวงจรคนที่อยู่ตามแนวชายแดนว่า หากเช่ามากกว่า 1 วงจรต้องดูว่าพื้นที่ตรงนั้นมีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องเช่าสัญญาณขนาดนั้น โดยจะมีการบูรณาการร่วมกันกับฝ่ายทหารและสำนักงาน กสทช. ในการตรวจตราแนวชายแดนเกี่ยวกับเรื่องการลักลอบลากสายเคเบิลด้วย
พล.ต.ท. ธัชชัย กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาซิมเถื่อน คนร้ายไม่สามารถลงทะเบียนซิมเองได้ แต่ต้องให้ตู้ซิมที่ได้รับอนุญาตให้ขายซิมได้ลงทะเบียนให้ ยุทธการที่ระเบิดสะพานโจรจะเข้าไปกวาดล้างตู้ซิมที่สนับสนุนการทำผิดของคนร้าย โดยจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งนอกจากการดำเนินคดีอาญาแล้วก็จะถูกแบนและยกเลิกสัญญา ตัดอาชีพไปตลอดชีวิต
ส่วนที่คนร้ายใช้ระบบ Starlink หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียมนั้น ที่ผ่านมามีการจับกุมมากขึ้น แต่ระบบนี้ยังไม่เสถียรหรือดีเท่าการใช้ซิม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ เมื่อวานนี้ (18 กรกฎาคม) ได้ประชุมและสั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศที่มีสายงานป้องกันปราบปรามให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์สื่อสารลักษณะนี้
พล.ต.ท. ธัชชัย กล่าวว่า กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ใช้คนในองค์กรหลักร้อยคน มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน มีทีมวิเคราะห์และมีวิธีการฟอกเงินรูปแบบต่างๆ สร้างความเสียหายให้ประเทศไทยอย่างมากทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่ผ่านมา ตร. ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวด และสามารถยึดทรัพย์กว่า 1.5 พันล้านบาท โดยเป้าหมายสำคัญที่จะหยุดได้คือต้องตัดวงจรกลุ่มคนไทยที่เป็นสะพาน เช่น ตู้ซิม ไม่ให้เป็นเครื่องมือหรือสะพานให้คนไทยด้วยกันมาหลอกลวงประชาชน
หากคนเหล่านี้ไม่ให้ความร่วมมือ คนร้ายจากต่างประเทศก็ไม่สามารถเข้าถึงคนไทยได้ ดังนั้นจึงต้องดำเนินคดีกับคนไทยที่ไปร่วมมือกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งคนต่างชาติ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าเจ้าของที่แท้จริงคือต่างชาติ 100% คนเหล่านี้เป็นคนที่เข้ามาทำลายประเทศทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม โดยคนไทยที่ทรยศต่อประเทศชาติจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด