วันนี้ (4 ตุลาคม) พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว สันติ เจ๊ะอะหลี อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีการจับกุมของตำรวจไปตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา จนขณะนี้นับรวมเวลาประมาณ 21 ชั่วโมง
พล.ต.ต. นพศิลป์ ระบุว่า สันติมีประวัติเคยลักทรัพย์ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) พหลโยธิน, สน.โชคชัย และ สน.เตาปูน อีกทั้งมีการหนีประกันของศาลที่จังหวัดอำนาจเจริญ ในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน ได้ทำการเฝ้าติดตามพร้อมเข้าจับกุม ในขณะที่ตำรวจเข้าจับกุมสันติไหวตัวทัน ยิงต่อสู้กับตำรวจ จากนั้นกระโดดข้ามกำแพงมายังซอยอินทามระ 29 แยก 1 และเข้าไปหลบในบ้านของตัวประกันเวลา 20.02 น.
ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่าสันติได้เคาะประตู และอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจะขอน้ำดื่มและหนีไปทางปล่องไฟ จากนั้นตำรวจได้ทำการล้อมไว้ทุกทิศทาง จนถึงเวลา 23.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่ภายในบ้านแล้วจึงเข้าไปช่วยตัวประกันออกมาได้อย่างปลอดภัย
พล.ต.ต. นพศิลป์ กล่าวว่า ได้เกิดเหตุการณ์ซ้อนขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ตำรวจได้ไปที่ห้องพักของผู้ก่อเหตุ และเจอกับภรรยาของผู้ก่อเหตุ ทางภรรยาทราบอยู่แล้วว่าสามีมีหมายจับจึงเกิดอาการเครียด เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกดำเนินคดีไปด้วย จึงไปหยิบปืนภายในห้องที่สามีขโมยมาเมื่อวันที่ 27 กันยายน ในพื้นที่ สน.เตาปูน หลังจากนั้นภรรยาได้เข้าไปซ่อนตัวที่บ้านร้างจนกระจกบาดที่เท้า ก่อนเจ้าหน้าที่จะติดตามมาเจรจากันได้ที่แยกสุทธิสาร
ในตอนแรกภรรยาของสันติขอให้เรียกรถพยาบาลเพื่อทำแผลให้ตนเอง แต่เกิดความอายจึงขอเปลี่ยนรถและให้ตำรวจไปส่งที่บ้านเกิดที่จังหวัดอุบลราชธานี ในตอนนั้นเองตำรวจนำเสื้อมาให้เพื่อคลุมหัว แต่ไม่ทันได้สังเกตว่าภรรยาผู้ก่อเหตุยังไม่ได้วางอาวุธปืน จากนั้นภรรยาสันติจึงนำอาวุธปืนจี้ตำรวจและบังคับให้ไปส่งที่บ้านเกิดจังหวัดอุบลราชธานี
พล.ต.ต. นพศิลป์ กล่าวต่อว่า ตำรวจจึงขับรถไปตามทางเรื่อยๆ และมีการพูดคุยเจรจากันตลอดทางจนถึงประมาณอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ภรรยาของผู้ก่อเหตุเริ่มอารมณ์เย็นลง จึงขอไปพักที่บ้านครอบครัวที่คลอง 3 ทางตำรวจจึงใช้เส้นทางเลี่ยงไปที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะเส้นทางนั้นไม่มีบ้านคนและปลอดภัยกับประชาชนที่สุด
ตำรวจใช้เวลาประมาณ 15 นาที ในการเกลี้ยกล่อมจนภรรยาของผู้ก่อเหตุยอมมอบตัว จากนั้นจึงได้นำตัวภรรยาของผู้ก่อเหตุไปทำแผลที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะมีการนำตัวมาที่ สน.บางซื่อ เพื่อสอบปากคำ
จากการค้นตัวภรรยาผู้ก่อเหตุพบปืนขนาด .38 พร้อมกระสุนปืนครบ 6 นัด และยังพบยาไอซ์ 1.7 กรัม จากการค้นห้องพักของผู้ก่อเหตุพบยาไอซ์จำนวนหนึ่ง กระเป๋าแบรนด์เนมพร้อมของมีค่าอื่นๆ ที่มีการขโมยมา ส่วนผลการตรวจร่างกายของภรรยาผู้ก่อเหตุพบมีสารเสพติดในร่างกาย จึงมีการแจ้ง 4 ข้อหา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียาเสพติดในครอบครอง และกักขังหน่วงเหนี่ยวเจ้าพนักงาน
พล.ต.ต. นพศิลป์ กล่าวประชาสัมพันธ์ว่า หากผู้ใดให้ที่พักหรือให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือใครก็ตาม มีโทษทางกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งในขณะนี้ที่ตัวผู้ก่อเหตุมีปืน 2 กระบอก หากผู้ใดพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทันที