วันนี้ (21 มีนาคม) พล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) แถลงชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า รีเด็ม (REDEM)
พล.ต.ต. ยิ่งยศย้ำว่า การชุมนุมในขณะนี้ยังอยู่ในสถานการณ์การประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในที่สาธารณะ พร้อมย้ำว่ามีความจำเป็นในการใช้เครื่องกีดขวาง เนื่องจากกังวลว่าการชุมนุมจะกระทบต่อสถานที่สำคัญ อีกทั้งไม่ต้องการให้การชุมนุมนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงจำเป็นต้องระงับยับยั้งไว้ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผู้ชุมนุมและสถานที่สำคัญ
พล.ต.ต. ยิ่งยศย้ำอีกว่า การใช้ยุทธวิธีเป็นไปตามหลักสากล และทุกขั้นตอนมีการประกาศแจ้งเตือนทุกระยะ ซึ่งตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ พล.ต.ต. ปิยะ แถลงสรุปเหตุการณ์การชุมนุม โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. เริ่มมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวงและบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต่อมาเวลา 17.22 น. กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเดินทางเข้าพื้นที่ท้องสนามหลวง
เวลา 17.35 น. ตำรวจประกาศแจ้งเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมว่า การชุมนุมเข้าข่ายความผิดกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่ตำรวจออกนอกพื้นที่
เวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มรื้อถอนแนวกีดขวาง และต่อมาได้ร่วมกันเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งเป็นแดนอีกฝั่งของตำรวจ โดยมีการใช้ก้อนหิน ลูกแก้ว และลูกเหล็ก รวมทั้งประทัดยักษ์โยนเข้าใส่กลุ่มตำรวจ ซึ่งตำรวจพบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม และตำรวจยังพบว่ามีความพยายามทำลายทรัพย์สินราชการ เช่น กล้องวงจรปิด
จากนั้นตำรวจประกาศแจ้งเตือนอีกครั้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตำรวจเห็นว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยังมีความพยายามในการบุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ในสถานที่สำคัญ ตำรวจจึงจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีฉีดน้ำแรงดันสูง และผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้พ้นจากสนามหลวง
เวลา 20.50 น. ตำรวจสามารถรักษาพื้นที่ท้องสนามหลวงไว้ได้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมกระจายตัวออกไปในบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และบริเวณแยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จากนั้นตำรวจพบมีกลุ่มผู้กระทำผิดจุดไฟขึ้นหลายแห่ง บริเวณถนนราชดำเนิน หน้ากองสลาก และท้องสนามหลวง โดยพบว่ารถยนต์ทรัพย์สินของตำรวจได้รับความเสียหายหลายคัน
หลังจากที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ตำรวจจับผู้กระทำผิดได้ 20 คน ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมโดยผิดกฎหมาย ความผิดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และความผิดตาม พ.ร.บ. ควบคุมโรค
รวมทั้งข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองโดยใช้อาวุธและกำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรค 1 และ วรรค 2 และความผิดฐานต่อสู้ ขัดขวาง และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 และมาตรา 140
นอกจากนี้ ตำรวจยังจับผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลผู้ที่เข้าข่ายกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพิ่มเติมอีกหลายคน
ส่วนผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดเล็กน้อยตำรวจได้เปรียบเทียบปรับและปล่อยตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ส่วนที่เหลือถูกควบคุมตัวไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภาค 1) ปทุมธานี เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลตามกฎหมายต่อไป
.
จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 11 นาย โดยได้รับอันตรายจากการโดนก้อนหินและสะเก็ดประทัดยักษ์ตามร่างกาย โดยอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
พล.ต.ต. ปิยะยังฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่พบเห็นบุคคลต้องสงสัย ที่ตำรวจมีหลักฐานเป็นภาพขณะที่เขาพยายามขว้างวัตถุคล้ายระเบิดหรือประทัดยักษ์เข้าใส่ในพื้นที่ชุมนุมเมื่อวานนี้หลายครั้ง โดยผู้ที่พบเห็นสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) สำราญราษฎร์ และสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ชนะสงคราม
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล