×

ตำรวจจับขบวนการจีนเทา หลอกคนไทยลงทุน ร่วมกันฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 ปีมีเงินหมุนเวียน 6 พันล้านบาท

โดย THE STANDARD TEAM
18.02.2025
  • LOADING...
ขบวนการจีนเทา

วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลทลายเครือข่ายแก๊งฟอกเงินองค์กรจีนเทา โดยจับกุม อัจฉรา อายุ 27 ปี, ชาวจีน 4 คน และชาวไทยในขบวนการ รวมทั้งหมด 10 คน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฟอกเงิน, ร่วมกันเป็นอั้งยี่ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

 

โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลอกลวงเหยื่อที่นิยมใช้สื่อโซเชียลมีเดีย การเช่าที่พัก รวมถึงการหางาน โดยอาศัยรูปแบบการทำงานที่ง่าย เช่น กดไลก์ กดเพิ่มยอดผู้ติดตาม และได้เงินทันที จึงทำให้เหยื่อหลงเชื่อและสนใจเข้าร่วมงาน เมื่อลองทำงานแล้วในช่วงแรกปรากฏว่าได้รับเงินจริงหลายครั้ง

 

จากนั้นกลุ่มคนร้ายชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมทำกิจกรรมในลักษณะพิเศษ โดยต้องนำเงินมาลงทุน และได้รับผลตอบแทน 30-50% โดยช่วงแรกได้รับผลตอบแทนจริง จากนั้นเมื่อลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ กลับไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ โดยคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายไม่ทำตามขั้นตอนที่กำหนด

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าขบวนการดังกล่าวซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีการโยกย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการกระทำความผิดเป็นทรัพย์สินดิจิทัล ก่อนจะถ่ายเทไปยังกระเป๋าดิจิทัลอีกหลายทอด จนกระทั่งพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาทำหน้าที่ฟอกเงินและแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลเป็นเงินสด เพื่อนำส่งให้กับกลุ่มจีนเทาภายในประเทศไทย เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายประมาณ 60 คน มูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท จากการขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 32 คน ประกอบด้วยบัญชีม้าชาวไทย 10 คน, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน 2 คน และกลุ่มขบวนการฟอกเงิน ซึ่งมีทั้งชาวไทย ชาวจีน และชาวเกาหลีใต้ รวม 20 คน

 

จากนั้นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ตำรวจขยายผลตรวจค้น 20 จุดใน 8 จังหวัด จับกุมผู้ต้องหาได้ 10 คน ซึ่งเป็นแก๊งฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายในประเทศไทย 5 คน และเจ้าของบัญชีม้าอีก 5 คน โดยตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ รวม 210 รายการ มูลค่าทั้งหมดกว่า 440 ล้านบาท

 

โดยอัจฉราที่เป็นตัวการฟอกเงินในประเทศไทยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่รับในข้อเท็จจริงว่า เมื่อปี 2562 เคยทำหน้าที่เป็นล่ามและไกด์พาเที่ยวให้กับชาวจีน ต่อมาปี 2566 ได้รู้จักกับแฟนหนุ่มชาวจีน และร่วมกันรับแลกเหรียญดิจิทัลจากลูกค้ากลุ่มจีนเทาต่างๆ ที่ต้องการใช้เงินในประเทศไทย จากนั้นได้นำเหรียญดิจิทัลมาขาย และแลกเปลี่ยนนำส่งให้กลุ่มจีนเทาตามคำสั่ง โดยจะได้ค่าบริการ 0.03-0.05% ของยอดเงิน

 

ผู้ต้องหาให้การว่า สำหรับขั้นตอนการทำงานนั้น แฟนหนุ่มชาวจีนจะติดต่อกับกลุ่มจีนเทาต่างๆ จากนั้นตนและสมาชิกในแก๊งที่ได้รับเงินดิจิทัลจะนำเหรียญดิจิทัลมาขายในรูปแบบ P2P ผ่านแพลตฟอร์ม Exchange โดยผู้ต้องหาจะส่งเงินตามคำสั่งของกลุ่มจีนเทา ซึ่งหักยอดเงินจำนวนไม่มาก อัจฉราและแฟนหนุ่มจะใช้วิธีการโอนเงินผ่านบัญชีไปให้ลูกค้า แต่หากจำนวนเงินมากจะเบิกเงินสดนำไปส่งมอบให้ลูกค้า หรือนำเงินสดเข้าบัญชีต่างๆ ตามคำสั่งของกลุ่มจีนเทา เนื่องจากกลุ่มจีนเทาต้องการใช้เงินในประเทศไทย

 

ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน มีการรับสกุลเงินดิจิทัล USDT จำนวน 187 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6.5 พันล้านบาท และถอนเงินสดเป็นเงินไทย 2.9 พันล้านบาท ตลอดจนนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ

 

สำหรับผู้ต้องหาลำดับที่ 2-5 เป็นผู้ต้องหาชาวจีน ประกอบด้วย Mr.Gao อายุ 35 ปี, Mr.Xiong อายุ 30 ปี, Mr.Mao อายุ 46 ปี, Mrs.Zhou อายุ 44 ปี ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่รับในข้อเท็จจริงว่ามีส่วนร่วมกับผู้ต้องหาที่ 1 และกลุ่มชาวจีนอื่นๆ มีการแบ่งหน้าที่กันทำในการรับเหรียญดิจิทัลมาจากกลุ่มจีนเทา โดยเทขายเหรียญก่อนนำเงินสดส่งมอบให้ลูกค้า

 

นอกจากพบความเกี่ยวข้องของเส้นทางการเงินที่มีการซื้ออสังหาต่างๆ แล้ว ยังพบว่าขบวนการนี้มีพฤติการณ์ในการก่อตั้งบริษัทที่ให้คนไทยเป็นนอมินีในการจัดตั้ง เพื่อรับโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ภายหลังการโอนกรรมสิทธิ์จะเปลี่ยนกรรมการผู้มีอำนาจเป็นคนจีน ซึ่งบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาใช้เพื่อโอนกรรมสิทธิ์บ้านเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจจริง

 

นอกจากนี้ยังพบว่ามีเงินไหลเข้าไปยังบริษัทอสังหาประมาณ 10 บริษัท ในย่านบางนา เอกมัย และฝั่งธน โดยใช้นอมินีสัญชาติไทย แต่กรรมการเป็นคนจีน ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising