×

เปิดใจ พชร์ อานนท์ หลังโลกโซเชียลฯ รุมด่าจนต้องตั้งทนายฟ้อง

21.04.2018
  • LOADING...

“เป็นพชร์มันผิดตรงไหน ชีวิตฉันใครกำกับ…” ขึ้นต้นแบบนี้เพราะโลกโซเชียลฯ กำลังเกิดประเด็นร้อนแรงไม่แพ้แสงอาทิตย์เดือนเมษายน หลังจาก พชร์-อานนท์ มิ่งขวัญตา ผู้กำกับภาพยนตร์คอเมดี้ หลวงพี่แจ๊ส 5G ออกมาประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าได้เแต่งตั้ง รณรงค์ แก้วเพชร ทนายความชื่อดัง ขึ้นเป็นทนายส่วนตัว เพื่อดำเนินคดีทางแพ่งกับผู้ที่หมิ่นประมาทตนเอง ผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก

 

ล่าสุด THE STANDARD เปิดใจกับ พชร์-อานนท์ มิ่งขวัญตา ถึงทุกประเด็นที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ว่า ตกลงทำไมต้องฟ้อง พชร์ฟ้องใคร ฟ้องประเด็นไหน และจะฟ้องไปเพื่ออะไร ฯลฯ  

 

“พชร์ อานนท์ แต่งตั้งทนายความ เพื่อตามดูแลคนที่มาหมิ่นประมาท พชร์ อานนท์ ไม่ใช่หมิ่นประมาทหนัง บางคนเข้าใจว่าด่าหนังมึงฟ้องได้เหรอ กูไม่ได้บอกว่าจะฟ้องเพราะด่าหนัง แต่จะฟ้องคนที่มาด่ากู  

 

เรารู้สึกว่าตัวเองถูกรังแกเยอะเกินไปแล้ว มันมากเกินไปแล้ว เพราะเราเงียบไปนาน ตอนนี้ให้ทนายความกำลังดำเนินการเก็บข้อมูลอยู่ เพราะมีหลายข้อความทางโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เข้าประเด็นหมิ่นประมาท ต่อไปนี้เราจะตั้งคุณรณรงค์ แก้วเพชร เป็นทนายความตลอดเลย ใครทำอะไรก็ให้เขาจัดการให้ทั้งหมด เซ็นหนังสือไปแล้ว” พชร์ อานนท์ เปิดใจถึงสิ่งที่แน่นอยู่ในใจ จนต้องพึ่งพากระบวนการยุติธรรม   

 

1. พชร์ อานนท์ ฟ้องใคร ฟ้องทำไม ฟ้องแล้วได้อะไร  

“เราไม่ได้จะฟ้องคนที่วิจารณ์หนังนะ คือมันมีทั้งคนที่วิจารณ์หนัง และมีทั้งคนที่ด่าพชร์ อานนท์ ฉะนั้นใครที่ด่าเรา นั่นคือหมิ่นประมาท คนเราเกลียดกันได้ แต่ไม่มีสิทธิ์เอาคนที่เกลียดไปด่า

 

“พวกที่ออกมาโวยวาย บางคนเข้าใจผิด คือคิดว่าไปดูหนังแล้วเอามาพูดไม่ได้หรือไง อยากย้ำอีกครั้งว่า คุณพูดได้ วิจารณ์หนังได้ พชร์ อานนท์ ไม่ได้จะฟ้องคนวิจารณ์หนัง แต่ฟ้องคนที่ด่าอย่างสาดเสียเทเสีย ด่าหยาบคาย สมมติคุณพิมพ์ข้อความออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า ไอ้พชร์! ไอ้ผู้กำกับไร้ฝีมือ ไอ้ผู้กำกับปัญญาอ่อน ผู้กำกับห่วยแตก ผู้กำกับส้นตีน ฯลฯ แบบนี้คุณจะโดนฟ้อง เพราะนั่นหมายความว่าคุณด่าเราอยู่

 

“ที่ผ่านมาเราโดนด่ามาตลอด ความจริงก็ชินแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้แล้ว รู้สึกว่าต้องออกมาป้องกันตัวเอง เพราะนี่มันคืออาชีพเรา ลูกน้องเราตั้งกี่ชีวิต นักข่าวก็รู้นี่ สมมติมีคนด่าว่าสำนักข่าวเธอเขียนหนังสือไม่ดี รายงานข่าวไม่ถูกต้อง คนก็ไม่เข้ามาอ่านข่าวในเว็บไซต์เธอนะ เช่นเดียวกันกับเปิดร้านขายอาหาร ถ้าขายของแล้วคนบอกต่อๆ กันว่าร้านนี้ทำอาหารไม่อร่อย ทำไม่สะอาด คนก็ไม่เข้ามากิน ร้านก็เจ๊ง นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็เลยต้องป้องกัน”  

 

2. ฟ้องแพ่งอย่างเดียว ไม่ฟ้องคดีอาญา

“ฟ้องอาญาทำไมให้ติดคุกอย่างเดียว  ฟ้องแพ่งเอาเงินมาทำบุญดีกว่า ซื้ออาหารให้หมาจรจัด ทำบุญให้เด็กพิการซ้ำซ้อนทางสมอง ทำบุญให้เด็กยากจน คือเขาบอกกันว่าซื้ออาหารให้หมาจรจัด ศัตรูจะได้ไม่มากัด เราไม่ได้ต้องการฟ้องเพื่อเอาเงินมาใช้เอง แล้วถึงไม่ฟ้อง ปกติเราก็ทำบุญพวกนี้อยู่ก่อนแล้ว

 

3. บทเรียนที่ได้จากการทำหนัง หลวงพี่แจ๊ส 5G

“ในเรื่องมันเป็นประเด็นที่เห็นกันอยู่แล้วในสังคม แต่เราทำออกมาเพื่อพูดถึงในหนังเรา อย่างกรณีวัดพระธรรมกาย เราก็สอนว่าจะทะเลาะกันทำไม อยู่ภายใต้ศาสนาเดียวกันคือศาสนาพุทธ ทำไมไม่รักกัน ทำไมถึงไม่มาร่วมทำศาสนาให้มันดีขึ้น เราก็พูดเรื่องเหล่านี้ในหนัง  

 

“ทุกฉากในหนังเราก็ให้กองเซนเซอร์ดู แล้วเขาก็ให้ผ่าน กฎกติกาการฉายหนังมันมีอยู่แล้วว่าหนังทุกเรื่องจะต้องผ่านกองเซนเซอร์ ซึ่งเขาก็ให้ผ่าน ถามว่าทำไมทุกฉากทุกตอนของ หลวงพี่แจ๊ส 5G ถึงผ่านหมด ทั้งที่เป็นหนังตลก ก็เพราะว่าหนังมันสอนอะไรบางอย่างกับคนดู

 

“อย่างกรณีไอ้ปืน (นายพายุ แซ่โง้ว เคยเป็นข่าวดังทางโลกโซเชียลกรณีถ่มน้ำลายและด่าทอตำรวจ) ในหนังก็บอกอยู่แล้วว่าพฤติกรรมอย่างนี้ห้ามลอกเลียนแบบ ขึ้นตัวหนังสือไว้ที่หน้าจอเลยว่าเป็นพฤติกรรมไม่ดี แล้วที่ไอ้ปืนมันด่าพระเนี่ย พระแจ๊สก็สอนว่า “เพราะคุณไม่มีสติไง ชีวิตถึงเป็นอย่างนี้”  

 

4. คิดอย่างไรที่คนมักจะมองหนังของ พชร์ อานนท์ ในแง่ลบ ไม่ว่าจะดูแล้วหรือยังไม่ได้เข้าโรงไปดูก็ตาม

“ก็ช่างปะไร เพราะเราก็ได้รางวัลมาหมดแล้ว หนังได้ยี่สิบล้านก็เคยแล้ว ทำหนังได้ห้าสิบล้านก็เคยแล้ว ผู้กำกับร้อยล้านก็ผ่านมาแล้ว หนังก็ผ่านการทำมาประมาณ 35-36 เรื่องแล้ว เราไม่ได้โอ้อวดหรอก วิธีการพูดของเรา อาจจะเป็นคนพูดตรงๆ ไม่เหมือนคนอื่น แต่เราผ่านสิ่งเหล่านี้มาหมดแล้วจริงๆ”

 

เจอกระแสแบบนี้ ต่อไปยังจะมี หลวงพี่แจ๊ส 6G 7G 8G ออกมาอีกไหม

“อยากจะบอกว่าตอนแรก หลวงพี่แจ๊ส 5G ก็จะไม่ทำแล้วนะ แต่นายทุนเขามองเห็นว่าหนังยังน่าทำ เออ ถ้าน่าทำงั้นทำก็ทำ แต่ถ้ามองจากการตลาด ความจริงหนังมันไม่สดแล้ว ถามว่าทำไมหนังตระกูล หอแต๋วแตก ถึงมีได้ตั้ง 6 ภาค ก็เพราะว่าทำแล้วยังมีคนดูไง ฉะนั้นถ้าหนังเรื่องไหนทำแล้วไม่มีคนดู เราจะไปรั้งมาทำต่อทำไม มีพล็อตใหม่ๆ ให้เราทำอีกเยอะแยะ เราเป็นคนคิดพล็อตเร็ว”  

 

5. ผู้กำกับที่คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ

“อยากจะด่าอะไรก็ด่าไป เราไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว อย่าลืมว่าประเทศไทยมีประชากรมากกว่า 75 ล้านคน คนเกลียดสักหมื่นคน มันเทียบสัดส่วนกันไม่ได้ ทุกวันนี้เราเดินทางไปไหน มีคนขอถ่ายรูปตลอดนะ คือคนรักก็มีมาก ส่วนคนเกลียดก็กลุ่มเดิมๆ มีแต่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กนี่แหละ แล้วคนที่ดูหนังเราก็ไม่ใช่คนในโลกโซเชียลอยู่แล้ว คนดูหนังเราคือชาวบ้าน ซึ่งคือคนส่วนใหญ่ของประเทศไทย”

 

6. จริงไหมที่ หลวงพี่แจ๊ส 5G เบียดหนังเรื่องอื่นจนไม่มีพื้นที่ในโรงภาพยนตร์

“เรื่องเบียดหนังคนอื่น เบียดรอบหนัง เพื่อเอาหนังตัวเองฉาย เรื่องนี้ก็เหมือนกัน คือฉันไม่ใช่เจ้าของโรงหนัง ลืมกันไปแล้วเหรอว่าฉันคือ พชร์ อานนท์ เป็นผู้กำกับหนัง ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงหนังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ หรือเอสเอฟ ซีเนม่า”  

 

แต่นายทุนที่ออกเงินทำหนัง หลวงพี่แจ๊ส 5G ให้ เขาเป็นเจ้าของโรงหนังที่ว่านี้นะ

“แต่อย่าลืมนะว่าถ้าหนังมันไม่ได้เงิน เขาจะฉายไหม เขาก็ถอด อย่างตอนหนังเรื่อง กัดกระชากเกรียน (2560) ฉายไป 3 วันโดนถอด ไม่เห็นมีใครออกมาพูดเลย

 

“ที่เขาให้รอบเรื่องไหนเยอะ ก็เพราะเขาประเมินมาแล้วว่าหนังเรื่องนั้นจะมีคนดูเยอะ เขาถึงให้ แล้วโรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีเนม่า อีกล่ะ เขาไม่ใช่นายทุนหนังฉัน แล้วทำไมเขาถึงให้รอบเยอะ ก็เพราะหนังมันมีคนดูไง ต้องคิดวิเคราะห์นะ ไม่ใช่จ้องแต่จะด่ากันอย่างเดียว”  

 

7. เข็ดไหม ที่คนเขาชอบบอกว่า พชร์ อานนท์ ทำหนังตามกระแส

“อ้าว ก็นั่นมันเป็นซิกเนเจอร์ของเราอยู่แล้ว เราก็สอดแทรกประเด็นทางสังคมเข้าไป แล้วก็สอนใจคนดู ให้สาระคนดูในแบบของเรา

 

“เราไม่ได้ต้องการจะสร้างกระแส ไม่ได้เล่นกระแส แต่เรานำเอาพฤติกรรมต่างๆ ที่มองเห็นจากสังคม แล้วนำมาบอก มาเล่าถึงในหนังว่าสิ่งไหนสมควรทำ สิ่งไหนไม่สมควรทำ”

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising