ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเทยคนหนึ่งที่พยายามแอ๊บแมนมาตั้งแต่เด็ก จะตามผู้ชายไปสอบโรงเรียนนายสิบ ดันสอบติด แถมสุดท้ายยังตัดสินใจเป็นตำรวจ!
วินนี่-ส.ต.ต.ธีรยุทธ เสาสูง เทยพิทักษ์สันติราษฎร์ อาสาเปิดหู เปิดตา พาเราไปรู้จักชีวิตเทยที่ทำงานแม้นแมน ทั้งรับแจ้งความ จราจร สืบสวน สอบสวน ยิงปืน ตั้งด่าน จับผู้ร้าย ให้มันรู้ไปว่ามีตำรวจชาย ตำรวจหญิง ก็มีตำรวจเทยได้เหมือนกัน
02:03
“ต้องให้ความรู้เพื่อนๆ ก่อนว่า ถ้าเกิดเป็นโรงพักที่อยู่ที่กรุงเทพฯ จะใช้คำว่า สน. คือสถานีตำรวจนครบาล แต่ว่านอกนั้นที่เป็นต่างจังหวัด สภ. คือสถานีตำรวจภูธร เราจะแยกกัน นครบาลจะเป็นกรุงเทพฯ”
02:30
“ต้องบอกก่อนเลยว่าสำหรับอาชีพตำรวจจะแบ่งเป็น 5 สายงานด้วยกัน สายงานแรกคือสายงานป้องกันและปราบปรามคือสายงานที่วินนี่ทำอยู่ เรียกว่าสายงาน ป., สายงานต่อไปก็คือสายงานสอบสวน, สืบสวน, จราจร และงานสุดท้ายคืองานอำนวยการ”
03:44
“เราเริ่มรู้ตัวว่าเราตุ้งติ้งมาตั้งแต่เด็ก เหมือนเราเป็นผู้ชายเรียบร้อย คือแอ็กติ้งเราไม่ได้แรงเท่าปัจจุบัน ปัจจุบันได้รับการเจลเบรกมาแล้วคือน่ากลัวมาก ตอนเด็กๆ คือเราเป็นเด็กแอ๊บใสๆ ไม่มีพิษไม่มีภัยแล้วเป็นเด็กเรียนเก่งเรียบร้อย เบอร์นั้น เบอร์น่ารัก”
04:16
“แต่อยู่โรงเรียนเราจะคนละเรื่องเลยตั้งแต่เด็ก อยู่โรงเรียนจะกลายเป็นหัวโจก เราจะกลายเป็นหัวหน้าแก๊ง แก๊งโดดยาง แก๊งหมากเก็บ เตะบอลฝากับเพื่อนผู้ชาย ดีดลูกแก้ว เราจะกลายเป็นหัวโจกตุ๊ดที่เป็นตุ๊ดคนเดียวในห้อง”
เออ อยู่โรงเรียนก็จะเป็นมุมนึงเลย เป็นตุ๊ดกล้าแสดงออก ชอบโชว์ออฟ อยู่บ้านกลับมาเราจะกลายเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ‘หวัดดีครับพ่อ’
05:37
“พอได้ขึ้นรถปุ๊บ ว้าย! กูเป็นตุ๊ด วะฮ้ายยยย สนุกสนานเฮฮา ออกจากอ้อมอกพ่อแม่กูเป็นตุ๊ดเลยจ้ะ ร่าเริงแจ่มใส ซึ่งทุกคนที่โรงเรียนรู้ แต่ที่บ้านจะไม่มีใครรู้เลย”
08:43
“เราโดนหงษ์ทองทำร้ายมา แล้วทะเลาะกับผู้ชายซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อน มีเหตุการณ์ชกต่อยเกิดขึ้น โดนเก้าอี้ฟาดหน้าแล้วก็เข้าโรงพยาบาล หงษ์ทองทำให้เราไม่เจ็บปวด เราชา เราไม่รู้เรื่อง เราพูดมาก เราพูดไปหมดเลยแล้วพ่อแม่ก็มา ผู้ชายที่คุยอยู่ตอนนั้นก็มา มีการหลุดออกไปอย่างจริงจังว่า ‘พ่อแม่วินเป็นเกย์’ กลางโรงพยาบาล”
หนูต้องตายแล้วแน่ๆ เลย งานศพวินขอเอาเป็นสีรุ้งนะ วินไม่อยากอยู่แล้ว
11:06
“เข้ามหาวิทยาลัยนี่เป็นเหมือนการปลดแอกเลยนะ พอรู้ว่าตัวเองแอดมิชชันติดธรรมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ เอกจิตวิทยา”
12:32
“ปี 1 เราไว้ผมยาวเลยเว้ย เหมือน เสก โลโซ มาก พูดเลย หัวฟู รวบผมได้ เซอร์ รองเท้าสาน กางเกงเดฟ ใส่เสื้อม่อฮ่อมยาวๆ เราคิดว่าเราสวย เราอยากเป็นกะเทยยิปซี มีข้อมืออยู่เต็มแล้วเฮ้ย ฉันเป็นสาวเซอร์”
14:36
“คิดว่ามันแปลกคือเนื่องจากว่าเรียนเอกจิต มันเหมือนว่าเราได้เรียนเกี่ยวกับจิตใจมนุษย์ เหมือนว่าจิตวิทยามันทำงานได้กับทุกสาขาอาชีพ”
การเรียนจิตวิทยาเราไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ แต่เรารู้สึกว่าเราเข้าใจคนอื่นมากขึ้นมากว่า เหมือนเรียนด้านนี้มาแล้วเราเข้าใจรีแอ็กชันของคนอื่น เฮ้ย คนอื่นทำกับเราแบบนี้ เดี๋ยวมันจะเกิดอะไรขึ้น มันเป็นการเรียนเพื่อช่วยคนอื่นจริงๆ
16:10
“วินนี่จะชอบทฤษฎีหมาสั่นกระดิ่งของ Pavlov อันนั้นหนูเคยได้ยินตั้งแต่เด็กๆ แล้วเรามาใช้กับปัจจุบัน เหมือนเราสร้างเงื่อนไขให้กับผู้ชาย ให้กับใครก็ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราเอาจิตวิทยาไปทำกับคนอื่นนะ แต่ทุกอย่างแม่งมีเงื่อนไขหมดเลยว่ะ ถ้าเกิดเราสร้างเงื่อนไข 1, 2, 3, 4 โทรหาผู้ชายในทุกๆ เที่ยงคืน วันนึงเราไม่โทรหาผู้ชาย ผู้ชายโทรหาเราเอง ตอนนั้นยังไง ก็ติดกับเราแล้วเบอร์นั้น นี่คือสิ่งที่ฉันได้จากการเรียนจิตวิทยา”
18:14
“แล้วก็เป็นช่วงเปลี่ยนของชีวิตก็คือได้มาเจอผู้ชายคนหนึ่ง แล้วก็ได้มีการพาวินนี่เพื่อไปสอบรับราชการ ในอาชีพตำรวจ”
18:32
“ผู้ชายคนนี้เจอได้ยังไงเป็นสิ่งที่ยากมาก เดี๋ยวก่อนนะเจอจากแอปฯ หรือเปล่า หรือเจอจากเฟซบุ๊ก แต่เจอจากโซเชียล”
18:55
“คือเราก็คุยกับเขามาพักหนึ่ง เจอเขากินข้าว แล้วเขาก็ไปสมัครผ่านเว็บให้เรา ในวันสอบซึ่งวันสอบคือปลายเดือนสิงหามั้ง เขาก็พาเราไปสอบ จากกรุงเทพฯ ก็พาเราไปสอบที่ชลบุรี”
19:42
“ตอนไปสอบเราก็เที่ยวจากข้าวสารมา คือเราเมาๆ เว้ย เราเที่ยวถึงเช้า กลิ่นละมุดมาก ให้เราใส่เสื้อขาว กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบสีขาว ห้ามพกโน่นนี่นั่นเข้าไป”
พอประกาศผลกะเทยติด ผู้ชายที่พาไปไม่ติด กะเทยฉลาดค่ะ กะเทยติด กะเทยเลยเป็นตำรวจ นี่คือเหตุผลคือตามผู้ชายไปสอบ วินนี่ถึงเป็นตำรวจ
24:40
“แล้วถึงช็อตช็อตหนึ่งเขาให้ถอดเสื้อ ดังนั้นผู้ชาย 500 คนก็ถอดเสื้อออกหมด เหลือกางเกงขาสั้นสีดำ 1 ตัว เดินโตงเตงๆ ไปเรื่อยๆ แล้วเขาก็จะแบ่งเราเป็นกองร้อยเหมือนแบ่งสีบ้านแฮร์รี่ พอตเตอร์ อย่างเราได้อยู่กองร้อยที่ 4 สีเขียว”
25:40
“เข้ามหาลัยตอนแรกก็แอ๊บ คือทุกๆ ครั้งที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่หรือเปลี่ยนสังคมใหม่เราจะเลือกการแอ๊บก่อน ไม่อยากปรี๊ดมากเพราะเราไม่รู้ฟีดแบ็กของแต่ละคนว่าจะแสดงกับเรายังไง เราก็เลือกที่จะแอ๊บก่อน”
26:31
“ประมาณวันที่ 3-4 เขาก็ให้เข้าวัด เหมือนวิปัสสนา เราไปหลุดในวัด เหตุผลคือนี่เดินตูดบิด มีเพื่อนจับได้เป็นเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งกับบัดดี้ที่เลขที่ติดกัน เพื่อนคนนั้นก็นั่งฟังพระเทศน์ก็มาสะกิดๆ บอกว่า ‘เฮ้ยวิน กูถามจริงๆ นี่มึงใช่ๆ ปะ’ ถามอย่างนี้ในวัดแล้วฉันก็ ‘เชี่ย สิ่งที่กูแอ๊บมา 4-5 วัน’”
27:36
“หลังจากนั้นนะคะ วัดก็แตก ทุกคนก็ชี้มองมาทางเรา แล้วทุกคนก็เรียกเราเจ๊ ผมว่าแล้วว่าต้องเป็นเจ๊แน่ๆ เลย หลังจากนั้นทุกคนก็เรียกฉันว่าเจ๊วินนี่”
30:26
“หลักๆ เราจะเรียนเรื่องทฤษฎีก่อน ส่วนของทฤษฎีก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยพื้นฐาน อาชญาวิทยา การพิมพ์ลายนิ้วมือ การพิสูจน์หลักฐาน เก็บหลักฐานตามที่เกิดเหตุ ส่วนภาคปฏิบัติก็จะเรียนเรื่องการใช้กุญแจมือ การใช้ปืน การยิงปืน และวิชาการต่อสู้ ฝึกความแข็งแรงของร่างกาย รู้ไหมว่าตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ฉันเรียนโรงเรียนนายสิบ ฉันตื่นตี 5 มาวิ่งทุกวัน”
32:39
“เขาจะให้เลือกตำแหน่งตามลำดับสอบออกว่าให้เราเลือกลงศรีราชา เหตุผลก็คือ เราไม่รู้จักเมืองนี้เลย เราเคยได้ยินแค่ว่าญี่ปุ่นเยอะ ก็กูรู้สึกว่าผู้ชายต้องดี ของกินต้องแน่น นี่เลือกศรีราชาเพราะเผื่อนี่ได้ผัวญี่ปุ่น นี่มองแค่นั้นจริงๆ”
36:07
“เดือนแรกนายให้วิ่งไล่จับคนในป่ามัน เพื่อนก็วิ่งไปนะ เนื่องจากฉันเป็นตุ๊ดที่อ่อนแอ ฉันวิ่งไม่ไหว ฉันเลยตะโกน ‘ยู้ด ยู้ดเดี๋ยวนี้’ ฉันก็ตะโกนเรียกคนต่างด้าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นตุ๊ด เพื่อนก็วิ่งไล่ไป พอเราตะโกนปุ๊บ ต่างด้าวหันมามองหยุด แล้วหันมามองว่าใครเรียกกู นี่ก็ขู่ใหญ่เลย ‘หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าวิ่งนะ กูเหนื่อย’ ค่ะ จับต่างด้าวได้เพราะเป็นตุ๊ดค่ะ กูวิ่งไม่ไหว นี่คือเหตุการณ์ในป่ามัน ตลกมาก”
38:50
“นึกภาพว่าถ้าไม่มีเรื่องเดือดร้อนไม่มาโรงพัก ถ้าไม่ร้อนมาไม่มาโรงพัก แล้วหนูเป็นสายฮา ฮาขี้แตกมาก แล้วใครมาเครียดแค่ไหน หนูดึงขำอย่างเดียว หนูคอยตบอารมณ์เขา เขามาร้อนๆ เราจะเป็นเหมือนความเย็น เป็นน้ำทำให้เขาเย็นลง ทำให้เขาสนุกสนานเฮฮา ทำให้บรรยากาศในโรงพักที่คุๆ ทำให้กลายเป็นเรื่องตลก พอเขามาเจอว่าเราเป็นตุ๊ดเขาก็จะเริ่มลืมเรื่องเครียดแล้ว มาสนใจเราแทนว่า ‘ตำรวจตุ๊ดนี่หว่า’ พอเราได้ชวนคุยไปเรื่อยๆ มันก็เลยกลายเป็นซอฟต์ลงๆ”
หนูจะบอกประชาชนเสมอที่เขามาว่า เฮ้ยพี่ อย่าไปอะไรเยอะเลย พี่ไม่เห็นต้องทำให้ชีวิตมันยุ่งยากเลย จริงๆ ชีวิตแม่งโคตรง่ายเลย ดูอย่างบ้านหนูดิ พ่อแม่หนูไม่เห็นว่าอะไรหนูเลย มองเป็นเรื่องปกติ เรายังต้องใช้ชีวิต เรายังต้องทำมาหากินต่อไป ทำไมเราต้องไปคิดมาก อย่าไปทิฐิ
41:48
“ตอนแรกเรามองว่ามันเป็นอุปสรรคเหมือนกัน เพราะกลัวผู้บังคับบัญชาจะว่า พอเราเป็นข่าวเราก็โดนเขาว่ากล่าวนิดหนึ่งที่เรามีผ้าพันคอ คือถ้าหนาวเอาเสื้อคลุมมาใส่ก็ได้ เขามองเรื่องเพศสภาพเป็นเรื่องเปิด แล้วเขาก็ไม่ใช่คนหัวโบราณ พอนายแฮปปี้ไม่ว่าอะไร เราก็แฮปปี้ เราก็แสดงออกได้อย่างเต็มที่แล้วก็ใช้ความสามารถที่เรามีได้อย่างเต็มที่เหมือนกัน ตอนใส่เครื่องแบบเราก็แอ๊บๆ บ้าง แต่เราไม่ลืมที่จะเป็นตัวเอง วินนี่ก็เลยมองว่าการทำงานของวินนี่คือการเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าทำอาชีพอะไรเราก็ทำมันได้เต็มที่”
42:41
“แล้วเรามองว่ามันเป็นอาชีพอาชีพหนึ่ง ที่ทำแล้วได้ตังค์ แล้วเรามองว่าการบริการประชาชนมันเป็นอาชีพบริการน่ะ เราไม่ได้เป็นเจ้านายที่อยู่เหนือเขา มันไม่เกี่ยวเลย มันงานบริการประชาชนจริงๆ เหมือนประชาชนเป็นลูกค้า เข้ามาโรงพักเราก็แค่เซอร์วิสเขากลับ”
43:20
“เราเข้าใจนะเพราะเราเคยเป็นประชาชนมาก่อน เราก็เคยไม่ชอบตำรวจ เราก็แค่เข้าใจในมุมด้านเดียวของเรา เราไม่เคยคิดในมุมของตำรวจ พอเรามาเป็นตำรวจเราก็มองในมุมของตำรวจ เราก็มองกลับไปในมุมของประชาชนด้วยเพราะเราเคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน พอเราได้เข้าใจทั้ง 2 ด้านปุ๊บ เราเก็ตเลยอะว่า เฮ้ย สิ่งที่ตำรวจทำกับเรา ที่ต้องตั้งด่านเอย ที่ต้องจับใบสั่งเอย เขาไม่ได้อยากจะทำอะไรขนาดนั้นหรอก เจ้านายเขาสั่งมาอีกทีหนึ่ง สองมันเป็นหน้าที่ของเขา สามมันลดอาชญากรรมได้จริงๆ ที่เขาจับยาเสพติดหรือคนเมาแล้วขับ มันลดอาชญากรรมที่จะก่อให้เกิดกับผู้อื่น คือมันไม่ให้ขยายวงกว้าง มันก็เป็นเรื่องที่ดี อุ๊ย อาจจะมองว่ามันน่าเบื่ออีกแล้ว ระวังด่าน ดีแล้ว ที่ประชาชนระวัง กลัวด่าน เพราะว่าเราเมา เราจะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ถ้าเราเมา เราขับรถชนตัวเองตาย อันนี้ไม่เดือดร้อน แต่เราขับรถชนคันอื่น 1 2 3 4 ด้วย เหมือนใจเขาใจเรา แล้วมองให้มันเป็นเรื่องปกติ เข้าใจเขาหน่อยว่าเป็นอาชีพเขาเหมือนกัน เขาก็ทำไปตามหน้าที่ของเขานั่นแหละ ไม่ได้มีจุดประสงค์หรือเจตนาที่จะไปจับเรา เขาก็ง่วง เขาก็เบื่อเหมือนกันแหละ ต้องมาตั้งด่านตอนดึกๆ แต่เข้าใจประชาชนเหมือนกันเพราะสื่อที่ออกมาของตำรวจมันมีทั้งด้านดีและไม่ดี ด้านไม่ดีพอออกสื่อโซเชียลแล้วมันจะไปเร็วไง ก็เป็นเรื่องที่เบื้องบนต้องจัดการกันต่อไป ในเรื่องสร้างภาพลักษณ์ให้มันโอเค”
การที่เรารับแจ้งความแล้วเราลงบันทึกประจำวันให้ประชาชนแต่ละคน เหมือนว่าทำให้เขาสบายใจ แล้วกระดาษใบบันทึกแจ้งความ มันเป็นแค่กระดาษ แต่กระดาษใบนี้ทำให้คนอีกคนหนึ่งนอนหลับได้
Credits
The Host นันท์ณภัส ธิปธรารัตนศิริ
The Guest ส.ต.ต.ธีรยุทธ เสาสูง
Show Creator อธิษฐาน กาญจนะพงศ์
Episode Producer อธิษฐาน กาญจนะพงศ์
Episode Editor นทธัญ แสงไชย
Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ
Coordinator & Admin อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director กริณ ลีราภิรมย์
Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล
Music Westonemusic.com