เราจะเรียนรู้อะไรได้บ้างจาก ‘มานะ พัฒนาการ’ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศไทยที่อยู่ใน Top 10 มายาวนานกว่า 40 ปี กับการเลือกใช้จุดแข็งเดิมมาต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ด้วยกลยุทธ์ในมุมที่แตกต่าง พวกเขาไม่เชื่อเรื่องปลาเร็วกินปลาช้า ยิ่งเร็วยิ่งได้ ยิ่งเติบโตมากเท่าไร บริษัทยิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น แต่กลับเชื่อว่าปลาที่มองการณ์ไกลและตะครุบเหยื่อเมื่อมีโอกาสต่างหากที่จะประสบความสำเร็จได้ในยุคปัจจุบัน
เคน นครินทร์ คุยกับ ปสันน์ สวัสดิ์บุรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด ในรายการ The Secret Sauce
คุณปสันน์มองเห็นโอกาสอะไรในการแตกธุรกิจมาทำบริษัทอสังหาริมทรัพย์
เราไม่ได้กระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้อย่างรวดเร็ว เราค่อยๆ เริ่มต้นทำอย่างช้าๆ โดยเข้าใจในธุรกิจที่กำลังทำ 3 เรื่อง 1.ต้องการสร้างประสบการณ์ 2.สะสมคนมีความสามารถ 3.ให้ความสำคัญกับโลเคชัน เราเน้นเรื่องโลเคชันก่อน โดยพยายามมองหาโลเคชันที่ดูมีศักยภาพ อาจไม่มีในวันนี้ แต่ดูแล้วมีโอกาสมากขึ้นในวันหน้า หลังจากนั้นจะพยายามสร้างโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
ข้อดีของการมีทีมงานขนาดไม่ใหญ่ทำให้พวกเรามีความยืดหยุ่นในการคิดและออกแบบตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาด และไม่จำเป็นต้องโฟกัสเรื่องการทำตัวเลข สามารถหดหรือขยายตามสภาพตลาดได้ เน้นการเติบโตที่เหมาะสม พร้อมปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นไปด้วย
จากประสบการณ์ที่ทำบริษัทก่อสร้างมาก่อน แตกต่างอย่างไรกับการกระโดดเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่สนุกและมีความสุข เราพยายามทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการและออกแบบบ้านให้ตรงกับสิ่งนั้น ซึ่งลูกค้าวันนี้อาจจะยังไม่ทราบหรอกว่าต้องการอะไร แต่ถ้ามองการณ์ไกล เราสร้างบ้านรองรับไว้แล้ว เมื่อวันหน้าที่เขามีความต้องการใช้บ้าน เช่น เขาไม่สามารถขึ้นบันไดได้ เขาก็มีห้องนอนข้างล่างไว้รองรับ
เราออกแบบบ้านสำหรับรองรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ เราขยายบ้านให้เป็นลักษณะ Universal Design สามารถรองรับผู้พักอาศัยที่ใช้วีลแชร์ได้ นี่คือหนึ่งกลยุทธ์ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายเรื่อง Disruption ต่างๆ เรามองว่าเราต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันหรือมาก่อนตลาด เพราะในอดีตคนอาจพูดว่าปลาใหญ่กินปลาเล็ก ตอนนี้พูดว่าปลาใหญ่กินปลาช้า แต่เรามองว่าปลาที่ดีกว่านี้คือปลาที่มองการณ์ไกลก่อนปลาตัวอื่น
ทราบว่าโครงการบารานี พาร์ค ได้รับรางวัลคุณภาพชีวิตดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยาม ซึ่งทราบมาว่าคุณปสันน์ไม่ได้ส่งเข้าไปประกวดเองด้วย
อันนี้เป็นรางวัลที่เราไม่ได้ส่งเข้าประกวด แต่มีท่านอื่นส่งประกวดให้เรา ซึ่งเราเชื่อว่าการที่เราได้รับรางวัลนี้เนื่องจากการออกแบบบ้านที่มีเอกลักษณ์และดีไซน์ที่แตกต่าง เราออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้พักอาศัยในทุกช่วงของชีวิต ตั้งแต่เริ่มทำงาน จนมีครอบครัว มีลูก มีพ่อแม่มาพักอาศัย และตัวเองจะเป็นผู้สูงวัยในอนาคต คือลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตในบ้านเราได้ทุกช่วงของชีวิต
มีจุดแข็งอะไรบ้างจากเนาวรัตน์พัฒนาการที่นำมาปรับใช้
ในเรื่องต้นทุนก็เป็นส่วนที่ประหยัดได้ เนื่องจากบริษัทใหญ่ทำยอดขายปีละประมาณหมื่นล้าน ทำให้เราต้องมีการซื้อวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์จากหลายซัพพลายเออร์ ดังนั้นเราจึงมีอำนาจต่อรองค่อนข้างสูง สามารถซื้อของจากซัพพลายเออร์กลุ่มเดียวกัน เมื่อต้นทุนต่ำลง เราก็สามารถไปลงทุนกับส่วนอื่นๆ ให้ลูกค้าแทน
บทเรียนจากการกระโดดเข้ามาในอุตสาหกรรมที่แข่งขันสูงอยู่แล้ว เราต้องทำตัวอย่างไรบ้างจึงจะอยู่รอดได้
เราต้องทำอะไรไม่เกินตัว เพราะถ้าเราจะโตไปในทรัพยากรที่มีกำไร หรือในอนาคตที่มองว่าเราไปหาแหล่งเงินใหม่ พอถึงเวลาแล้วมันไม่มาตามที่คิดก็อาจเกิดปัญหาได้ หรือรีบทำโครงการในขณะที่เราเองไม่พร้อม สุดท้ายโครงการนั้นก็กลายเป็นปัญหาให้เราต้องแก้ ที่ผ่านมาเราไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะเราค่อยๆ โต ค่อยๆ ทำ เรามองถึงศักยภาพของทีมงานในเรื่องของทรัพยากรเงินด้วย เราสามารถลงทุนตรงไหนได้ และเราได้เงินกลับมาเพื่อต่อยอดได้อีกเมื่อไร ดังนั้นเราจึงไม่ขยายหรือโตเร็วเกินไป หลายคนถามว่าทำไมเราไม่ทำโครงการนั้นโครงการนี้เพิ่มขึ้น เราก็บอกว่าเราทำเมื่อพร้อม เราเอาทรัพยากรไปโฟกัสในสิ่งที่ทำให้เรามีดีขึ้นไปได้อีก
เรามองว่าบริษัทแม่ก็เติบโตในอัตราที่เหมาะสม ไม่ได้ก้าวกระโดดเกินไป ในแง่ของการวัดความสำเร็จขององค์กรไม่ได้วัดที่ว่าเรามียอดขายเท่าไร แต่มันวัดที่ฐานการเติบโตในอนาคต คือปัจจุบันเราพยายามโตอย่างช้าๆ โดยพยายามหาองค์ความรู้ พยายามหาบุคลากรเข้ามาในองค์กรเพื่อทำให้ฐานเราแข็ง แล้วอนาคตเมื่อมีโอกาส เราจะนำสิ่งที่เราสร้างมาต่อยอดหรือทำยอดขายให้สูงกว่านี้ได้ แต่ ณ เวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่จะรีบก้าวกระโดดในการโตกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน
เพราะฉะนั้นแผนใน 3-4 ปีข้างหน้าคิดว่าจะโตประมาณไหนครับ หรือคิดว่าจะโตอย่างยั่งยืนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับโอกาสครับ ที่ผ่านมาเราอยากจะให้อัตราการเติบโตต่อปีไม่ต่ำกว่า 20% ถ้าเรามีโอกาสได้เจอที่ดินดีๆ แล้วสามารถพัฒนาโปรดักต์ที่เหมาะสมกับตลาด ณ เวลานั้น เราอาจจะก้าวกระโดดทางยอดขายเป็น 100% เลยก็ได้
ถ้าอยากเติบโตอย่างยั่งยืน เราต้องทำในสิ่งที่ชอบและถนัด ต้องจริงจังและจริงใจในสิ่งที่จะทำ เชื่อเรื่องนั้น ทุ่มเท กินนอนกับมัน ผมเชื่อว่าเมื่อเรายึดมั่นในสิ่งนั้น เราต้องมุ่งมั่นไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอย่างไร จะมีอุปสรรคอะไร เราต้องข้ามมันให้ได้ แม้ว่าจะมีบางคนทักว่าทำแบบนั้นแบบนี้จะดีเหรอ ผมคิดว่าเราสามารถฟังเป็นองค์ประกอบ แต่สุดท้ายเราต้องสู้จนสิ่งนั้นสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่เราตั้งเอาไว้
สามารถฟังพอดแคสต์ The Secret Sauce
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย
Credits
The Host นครินทร์ วนกิจไพบลูย์
The Guest ปสันน์ สวัสดิ์บุรี
Show Creator นครินทร์ วนกิจไพบูลย์
Show Producers เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์, ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
Sound Designer & Engineer กฤตพล จียะเกียรติ
Marketing & Coordinator อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์
Proofreader ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
Webmaster รพีพรรณ เกตุสมพงษ์