หัวใจที่แท้จริงของ Agile จากผู้คิดค้น Agile Manifesto

“Agile ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ใช่คำศัพท์เท่ๆ ไม่ใช่เครื่องมือหรือกระบวนการ แต่มันเป็นวิธีคิดในการทำงานแห่งอนาคต”

นี่คือประโยคสำคัญจากการที่ เคน นครินทร์ ได้สัมภาษณ์ แอรี ฟาน เบนเนคุม (Arie van Bennekum) ผู้ร่วมคิดค้น Agile Manifesto และประธาน Agile Consortium International

เคน นครินทร์ สรุปความหมายของ Agile และแนวโน้มความสำคัญของมันที่จะเกี่ยวข้องกับคนทำงานทุกคนในศตวรรษที่ 21 ในรายการ The Secret Sauce

Agile Manifesto คืออะไร

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักคำว่า Agile จริงๆ แล้วมันมีรากศัพท์มาจาก Agility หมายถึงความคล่องแคล่วว่องไว สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ผู้คิดค้นคำนี้คือกลุ่มคนที่ทำงานเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ซึ่งหนึ่งในนั่นมี แอรี ฟาน เบนเนคุม (Arie van Bennekum) ชาวเนเธอร์แลนด์ ผู้ให้สัมภาษณ์อยู่ด้วย

เรื่องเริ่มต้นในปี 1994 พวกเขาพบปัญหาใหญ่ในการทำงาน เมื่อต้องรอการปฏิบัติงานจากคนหลายขั้น เปรียบเหมือนน้ำตกที่ค่อยๆ ไหลจากบนลงล่าง (waterfall) ส่งผลให้โปรเจกต์ต้องใช้เวลาไปกับการรอแผนกที่มาก่อนทำงานให้เสร็จทีละชั้นนานถึง 6 เดือนหรือ 1 ปี ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทีมวิศวกรซอฟต์แวร์จึงรวมตัวกันเพื่อค้นหาวิธีการทำงานใหม่ๆ จนได้ออกมาเป็นบทสรุปอันลือลั่น Agile Manifesto โดยมีใจความสำคัญดังนี้

1. ให้ความสำคัญกับ ‘คนและการปฏิสัมพันธ์กัน’ มากกว่า ‘ขั้นตอนและเครื่องมือ’

2. ให้ความสำคัญกับ ‘ซอฟต์แวร์ที่นำไปใช้งานได้จริง’ มากกว่า ‘เอกสารที่ครบถ้วนสมบูรณ์’

3. ให้ความสำคัญกับ ‘การร่วมมือทำงานกับลูกค้า’ มากกว่า ‘การต่อรองให้เป็นไปตามสัญญา’

4. ตอบรับกับ ‘การเปลี่ยนแปลง’ มากกว่า ‘การทำตามแผนที่วางไว้’

โดยยังมีดอกจันเพิ่มเติมไว้ด้วยว่า “แม้เราจะให้ความสำคัญกับด้านขวา แต่เราให้ความสำคัญกับด้านซ้ายมากกว่า” นั่นแปลว่าหัวใจของ Agile ที่แท้จริงคือด้านซ้ายทั้งหมดนั่นเอง

ทำไมต้อง Agile

แอรียกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวเองสดๆ ร้อนๆ เมื่อเขาได้กดเข้าไปที่เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเจ้าหนึ่งเพื่อสั่งซื้อสินค้า แต่ทันทีที่ระบบการจ่ายเงินเกิดปัญหาติดขัด สิ่งที่เขาทำต่อมาคือการปิดเว็บไซต์เดิมและเปิดเว็บไซต์ใหม่ขึ้นมาใช้แทนทันที

นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของพฤติกรรมผู้บริโภคที่พร้อมเปลี่ยนใจเพียงไม่กี่วินาที อีคอมเมิร์ซเจ้านั้นอาจเสียหายมหาศาลหากเกิดปัญหานี้ซ้ำๆ กับลูกค้าหลายคนในช่วงเวลาเดียวกัน แทนที่เขาจะได้เงินจำนวนนั้นกลับสูญเสียไปในเสี้ยววินาที Agile จึงเข้ามาทำทุกอย่างเพื่อตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงนี้ แม้ว่ารากเหง้าจะมาจากปัญหาการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ปัจจุบันมันสามารถประยุกต์กับการพัฒนาทุกๆ องค์กร

หัวใจที่แท้จริงของ Agile

Agile ไม่ใช่กระบวนการ แต่เป็นวิธีคิดในการทำงานแห่งอนาคต แอรีเน้นย้ำเรื่องความสัมพันธ์ของคนและการสื่อสารอยู่บ่อยครั้ง ผู้นำต้องให้อำนาจการตัดสินใจกับทีมงาน ทีมงานต้องมีการสื่อสารพูดคุยเสมอ เขาเชื่อว่าการสื่อสารแบบเห็นหน้ากันมีประสิทธิภาพมากกว่าการส่งอีเมล เพราะอีเมลอาจทำให้เกิดการตกหล่นได้มากกว่า

ผลที่ได้จากการทำ Agile มีอะไรบ้าง

1. คุณค่าของงานเพิ่มมากขึ้น

2. การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3. คุณภาพงานดีขึ้น ความผิดพลาดลดน้อยลง

เริ่มต้นทำ Agile จากการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ความเปลี่ยนแปลงตลอด 19 ปีของการทำเรื่อง Agile แต่ก่อนเขาต้องคอยไปนั่งอธิบายว่า Agile ทำไปเพื่ออะไร แต่ปัจจุบันคนเริ่มเดินเข้ามาถามว่า Agile ทำอย่างไรแทน ดังนั้นถ้าอยากทำตั้งแต่วันนี้ต้องเปลี่ยน 3 เรื่องคือ 1.เปลี่ยนแปลงวิธีคิด 2.เปลี่ยนแปลงองค์กร 3.เปลี่ยนแปลงตัวคุณให้เข้ากับ 2 ข้อแรก

เขายังทิ้งท้ายด้วยว่าถ้าอยากพัฒนาตัวเอง สิ่งที่คุณต้องเปลี่ยนคือการเลิกทำอะไรที่ไม่เวิร์กอีกต่อไป อย่ายึดติดกับความสำเร็จรูปแบบเดิมๆ ถามตัวเองว่าคุณจะเป็นคนที่ดีขึ้นได้อย่างไร คุณจะแตกต่างจากที่เคยทำได้อย่างไร แล้วลงมือทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

คุณต้องให้ความสำคัญกับคนและพูดคุยกับพวกเขาให้บ่อยๆ เพื่อร่วมกันหาทางออกใหม่และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

สามารถฟังพอดแคสต์ The Secret Sauce
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย