×

ชีวิตคู่ สอนลูก ถ้าย้อนเวลาได้ ตอบคำถามอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเงินในสไตล์มันนี่โค้ช

12.02.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

Time index
02.38 ถนอมชีวิตคู่
09.27 สอนลูก
16.22 ถ้าย้อนเวลาได้
19.07 ถ้าไม่เป็นโค้ชการเงินจะเป็นโค้ชอะไร
24.03 ความมั่งคั่งเป็นสิทธิของทุกคนจริงหรือ
28.22 ความล้มเหลวและความสำเร็จ

มันนี่โค้ช ขอเปลี่ยนบรรยากาศไปคุยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเงินบ้าง ด้วยการตอบคำถามจากแฟนเพจตั้งแต่เรื่องชีวิตคู่ การสอนลูก ความเชื่อ ความชอบ ไปจนถึงแนวคิดเรื่องความล้มเหลวและความสำเร็จที่น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคน

 

Q: มีวิธีการถนอมความรักให้ยืนยาวไหมคะ เห็นครอบครัวโค้ชน่ารักมาก มีวิธีการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างไร โดยเฉพาะชีวิตคู่ ในปัจจุบันจะเห็นว่าคบกันไม่นานก็เลิกกันแล้ว ทั้งโซเชียลต่างๆ ทำให้เราไขว้เขว เชื่อว่าความรักต้องอาศัยความเข้าใจและการยอมรับในตัวของอีกฝ่าย แต่จะมีอะไรอีกไหมที่จะทำให้ชีวิตคู่ราบรื่น

 

เวลาที่ใครเชิญโค้ชไปเป็นประธานงานแต่งงาน โค้ชจะคำแนะนำในเรื่องชีวิตคู่ 4 ข้อ คือ

1. ความใส่ใจ เวลาเราใช้ชีวิตคู่ มีคนอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา บางครั้งอาจหลงลืมว่าช่วงนี้คนข้างๆ เขามีความทุกข์ กังวล หรือไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่ใส่ใจเราก็จะมองไม่เห็น หากไม่คอยถามไถ่กันก็จะเกิดปัญหาตามมาได้

 

2. ความไว้ใจ ให้เกียรติกัน อะไรก็ตามที่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจก็อย่าไปทำ และในขณะที่อีกฝ่ายก็ต้องไว้ใจด้วย เพราะคนที่อยู่ด้วยกันแล้วคอยแต่ถามเรื่องคนนอกตลอดเวลาถือเป็นการแสดงความไม่ไว้ใจที่ทำร้ายความรู้สึกอย่างรุนแรงเหมือนกัน

 

3. ให้กำลังใจ ในชีวิตคู่ แต่ละฝ่ายอาจมีปัญหาที่มาจากเรื่องงาน จากครอบครัวของตัวเอง การอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจกัน คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผ่านความทุกข์ไปได้

 

4. ให้อภัย วันที่ได้อยู่ด้วยกันจะเริ่มเห็นตัวตนจริงๆ เราต้องยอมรับในบางมุมของอีกฝ่ายที่เราไม่ชอบ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ใหญ่โต แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ก็ต้องเปิดใจคุยกัน

 

มันนี่โค้ช เองอยู่กันมาเข้าปีที่ 12 ไม่ค่อยทะเลาะกันเท่าไร และได้พบความจริงข้อหนึ่งว่า ถ้ามีการคุยกันพอสมควรเรื่องเป้าหมาย มีสภาวะการเงินที่ไม่มีปัญหา เราก็จะไม่ค่อยทะเลาะกัน

 

Q: มีวิธีสอนลูกในสังคมปัจจุบันอย่างไร เนื่องจากยุคของโค้ชกับยุคของน้องแตกต่างกันมาก แล้วมีวิธีรับมือกับภัยที่มาจากสื่อออนไลน์กับเกมอย่างไรในแบบที่เด็กไม่เครียด ไม่รู้สึกว่าโดนห้าม อยากทราบเป็นแนวทางให้พ่อแม่ยุคใหม่นำไปปรับใช้

 

โค้ชคิดว่า ‘ลูกก็เป็นลูก’ ตัวเขาไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นเราไม่ควรเอาความคิดใดๆ ไปฝังหัวเขาว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แก่นของการเลี้ยงลูกคือเน้นให้เขาเป็นคนดีก่อน คนดีในที่นี้คือมีศีลธรรมกับกฎหมาย ถ้าไม่ขัดกับทั้งสองอย่างนี้คือโอเค ที่เหลือก็ปรับกันไปตามสถานการณ์​ และลูกอยากจะเป็นอะไรก็ได้อย่างที่อยากเป็น แค่เรียนรู้ในสิ่งนั้นให้มากขึ้นเรื่อยๆ

 

โค้ชไม่ได้ห่วงเรื่องเรียนของเขา หรือโตขึ้นจะไปเป็นอะไร แต่ห่วงเรื่องความคิดของเขามากกว่า โค้ชจะให้เวลากับการอธิบายทุกครั้งที่ลูกถามคำถามว่าทำไมต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ สอนลูกให้คิดถึงสิ่งที่ตามมา บางคนถ้าขาดความยั้งคิดถึงผลที่จะตามมาก็มักจะพาชีวิตเราไปสู่หายนะ

 

เรื่องของเกม โค้ชไม่เคยว่าลูกเลย เพราะโค้ชเกิดและโตมากับเกม ชอบเล่นเกมก่อนทำงาน เพราะทำให้ผ่อนคลายและทำงานได้ง่ายขึ้น แต่มีวินัยพอว่าเล่น 1 ชั่วโมงคือ 1 ชั่วโมง เวลาสอนลูกก็เหมือนกัน ครอบครัวเราให้ลูกเล่นเกมวันศุกร์ ให้เขารู้จักอดใจบ้าง เขาจะรอคอยวันศุกร์มาก แล้วเขาจะไม่มีมางอแง เพราะเรามีกติกา ดูทีวีได้ ยกเว้นบางรายการที่โค้ชจะนั่งดูด้วยสักแป๊บหนึ่งแล้วจะรู้ว่าลูกดูด้วยได้ไหม เราไม่ได้ปิดเขาว่าโลกนี้มีแต่ความสวยงาม เราบอกเขาว่าโลกนี้มีเรื่องไม่ดีที่ต้องระมัดระวังด้วย ทุกกฎทุกระเบียบเราจะมีคำอธิบายว่าเป็นเพราะอะไร และหลายครั้งเราจะไม่บอกเหตุผลอย่างเดียว

 

เวลาไปเดินห้าง อยากให้ลูกเดินข้างๆ เพราะมันอันตราย อาจมีคนจับไป ถ้าเราบอกเขาแค่นี้มันไม่พอ โค้ชเลยบอกเขาว่าถ้าเขาจับลูกไปพ่อจะอยู่อย่างไร พ่อรักลูกนะ ให้อยู่ใกล้ๆ พ่อ บางทีเรามีแต่คำห้าม เราต้องให้ความรู้สึกด้วยว่าเบื้องหลังเหตุและผลนั้นคืออะไร

 

Q: ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งแรกที่โค้ชจะทำและบอกตัวเองตอนอายุ 25-30 ปี ป.ล. สมมติว่าไม่มีหนี้เหมือนในอดีต

 

เวลามีคนถามแบบนี้จะตอบเหมือนกันทุกครั้งว่าขอไม่ย้อนเวลาได้ไหม เพราะที่มันเป็นอยู่มันดีแล้ว เจ็บ จน ช่วง 10 ปีนั้นมันคือฐานที่พาเรามาสู่วันนี้ บางทีชีวิตเรามันอาจจะวางแผนได้ส่วนหนึ่ง และส่วนอื่นมันอาจจะวางแผนไม่ได้ก็ได้ ตอนเรียนจบก่อนหน้า พ.ศ. 2540 ก็ตั้งใจจะทำงานในสาขาวิชาชีพ เป็นผู้ใหญ่ ผู้นำในองค์กร พอเรียนจบเรามาเจอหนี้ มันก็ไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด แผนที่เราตั้งใจไว้ก็พับทิ้งทั้งหมด แต่เราก็ไม่ได้เสียใจ และสิ่งที่มันเข้ามากระทบชีวิตนั่นแหละมันปรุง มันปรับแต่งจนมีโค้ชทุกวันนี้ หรือบางคนบอกว่าเสียดายที่เจอโค้ชช้าไป เลยบอกว่าเรื่องในอดีตมันมีค่าสูงสุดคือเป็นแค่บทเรียน อีกอย่างที่เป็นได้คือความทรงจำดีๆ แค่นั้นเอง อย่าไปอะไรกับมันมาก ชีวิตที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ดีที่สุดแล้ว และจะดีขึ้นอีกถ้าคุณคิดจะปรับปรุงมัน

 

Q: ถ้าไม่ได้เป็นโค้ชการเงินจะเป็นโค้ชอะไร

 

ต้องบอกก่อนว่าที่ตั้งชื่อเป็น Money Coach ตอนนั้นอยากจะเผยแพร่ความรู้ทางด้านการเงินนี่แหละ ถ้าใช้คำว่าครูก็รู้สึกว่าสูงส่งไป ไม่ควรที่จะยกอ้างตัวเองเป็นครู น่าจะเป็นคนอื่นเรียกเรามากกว่า จะเรียกว่าเป็นที่ปรึกษาหรือนักวางแผนทางด้านการเงินก็คิดว่างานลักษณะนี้เป็นการให้คำตอบ ซึ่งโค้ชรู้สึกว่าไม่อยากทำ เพราะไม่ได้แค่อยากให้คำตอบทางด้านการเงิน แต่คนที่โค้ชอยากเป็นคือคนที่สอนวิธีคิด สอนการสร้างทางเลือก สุดท้ายให้เขาเลือกด้วยตัวเอง รับประกันได้ว่าคนที่ไม่ถูกจริตกับการตอบของโค้ชเขาก็จะไม่ชอบ เพราะสุดท้ายโค้ชอยากให้เขาเรียนรู้วิธีคิดและดูแลตัวเองตลอดชีวิตดีกว่า โค้ชไปชอบลักษณะทีมฟุตบอล เราลงไปเตะแทนเขาไม่ได้ แต่เราบอกวิธีคิดไป โค้ชสั่งอีกอย่าง เขาอาจจะประยุกต์ปรับไปอีกอย่าง โค้ชแค่ให้แนวทาง เลยเป็นที่มาของ Money Coach ไม่ได้อยากเป็นโค้ชแบบที่เป็นกันเยอะๆ อย่างทุกวันนี้ แต่ถามว่าถ้าไม่ได้เป็นโค้ชการเงินก็อยากเป็นโค้ชฟุตบอล

 

Q: เคยอ่านหนังสือของโค้ชเรื่อง เปลี่ยน “หนี้” เป็นอิสรภาพทางการเงิน มีประโยคหนึ่งเขียนว่า ความมั่งคั่งเป็นสิทธิของคนทุกคน ทำไมโค้ชจึงเอาคำนี้มาเขียน และอะไรที่ทำให้โค้ชเชื่อแบบนั้น

 

มันอาจจะมาจากประสบการณ์ที่ได้โค้ชคนหลากหลายอาชีพ หลากหลายสถานะทางการเงิน เราได้เจอคนมีเงินเยอะ ซึ่งอาจผิดพลาดทางการเงินเล็กน้อยจนทำให้ขาดทุน แต่เขาก็กลับมาได้ เจอคนธรรมดาที่สะสมเงินเก็บเงินทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อายุ 40 ปีก็มีเงินเก็บ 5 ล้านบาทได้ เจอ รปภ. ที่เก็บเงินได้ มันเลยก็เป็นความเชื่อระดับหนึ่งว่าถ้าคนคนนั้นสู้จริงๆ บวกกับมีความรู้ทางด้านการเงินที่ถูกต้อง มันไปได้นะ มันสามารถมีความมั่งคั่งกันได้ทุกคน เลยเขียนประโยคนี้ออกมา

 

อีกอย่างหนึ่งที่ต้องเชื่อประโยคนี้ไม่ใช่เพราะว่ามีตัวอย่างเพียงอย่างเดียว ที่ต้องเชื่อเพราะเป็นโค้ช ถ้าโค้ชสักคนหรือครูสักคนเกิดไม่เชื่อในตัวคนที่กำลังสอนอยู่ ปากเราจะบอกเขาว่าคุณรวยได้ คุณมั่งคั่งได้ แต่ใจเราไม่เชื่อ เราก็จะไม่พยายามส่งพลังหรือสอนให้เต็มที่ที่สุด เพราะคิดว่าพูดไปก็เท่านั้น อย่าไปเสียเวลาอะไรกับมันมาก ฉะนั้นโค้ชคิดว่าการสร้างทัศนคติต่อผู้คน ไม่ว่าวันนี้เขาจะเจ็บ จน แย่ ชีวิตเฮงซวยแค่ไหนก็ตาม สักวันเขาจะมีอิสรภาพทางการเงินได้ มั่งคั่งได้ โค้ชก็ส่งพลังไปที่เขาได้เต็มที่

 

ถ้าคนเป็นหมื่นเป็นพันตะโกนอยู่รอบคุณว่าวันหนึ่งคุณมั่งคั่งได้ แต่คุณไม่เชื่อ เสียงเหล่านั้นก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าวันนี้คนรอบข้างตะโกนบอกว่า ตลก คนอย่างคุณจะรวยได้ แต่มีเราเพียงคนเดียวที่ยังเชื่ออยู่ ความเชื่อตรงนั้นจะพาเราไปสู่จุดเราต้องการได้

 

Q: ในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งศรัทธาในตัวโค้ชมาก แต่ทำอะไรก็ล้มเหลวทุกอย่าง จนวันนี้เขามีความรู้สึกว่าไปต่อไม่ไหวแล้ว โค้ชจะมีวิธีแนะนำอย่างไรเพื่อให้ชีวิตไปต่อได้จนประสบความสำเร็จในชีวิต

 

โค้ชว่าคนเราที่ล้มเหลวบ่อยๆ จนเริ่มไม่เชื่อตัวเอง เราล้มเหลวเล็กๆ บ่อยๆ ก็เริ่มสั่นคลอน เช่นเดียวกับความสำเร็จเล็กๆ ที่ทำให้เราแอบภาคภูมิในใจในตัวเอง แอบสะสมพลังงานและผลักดันให้ชีวิตเราเดินต่อไปข้างหน้าได้ คำถามนี้มีปัจจัยเยอะมาก เพราะคำว่าสำเร็จกับล้มเหลวมันอาจมาจากการนิยามของเราเองก็ได้ และเป็นนิยามที่ผิดเพี้ยนด้วย

 

โค้ชเป็นคนหนึ่งที่ชอบเขียนเป้าหมายให้ตัวเองทุกปี ปีไหนสำเร็จไม่สำเร็จไม่ว่ากัน ปีหน้าตั้งใหม่ สู้ใหม่ มีสมุดเล่มหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียนจบและเขียนมาเรื่อยๆ วันดีคืนดีโค้ชย้ายบ้านและขนของจัดบ้านใหม่จนมาเจอสมุดเล่มนี้อีกครั้งและเปิดอ่านดู พออ่านแล้วมันเหมือนย้อนเวลากลับไป พออ่านสมุดเล่มนี้จริงๆ กลับพบว่าทั้งเล่มเขียนเป้าหมายเป็นร้อยอย่าง ลงมือทำไปสักระยะก็เลิกล้มบ้างและสำเร็จบ้าง สิ่งที่โค้ชทำสำเร็จในสมุดเล่มนั้นมีไม่ถึง 10% แต่มันคือตัวตนในวันนี้ที่มีความสุขมาก

 

คนเรานิยามไปเองหรือเปล่า ทำได้ตามที่ใจหวังก็เรียกว่าสำเร็จ พอทำไม่ได้ ต่างไปจากที่ตั้งใจก็เรียกมันว่าความล้มเหลว และคนเราไม่ได้นิยามมันอย่างเดียว ยังให้บทลงโทษของทั้งสองคำอย่างรุนแรงด้วย พอล้มเหลว เราซัดตัวเองหนักมาก ซ้ำเติมตัวเองได้เก่งจนจม หลายครั้งโค้ชมีความรู้สึกว่าที่เรายังไม่สำเร็จในบางเรื่องเพราะเราล้มเหลวไม่มากพอ ล้มเหลวก็เปลี่ยนวิธี พอเราบอกว่าสิ่งนี้เป็นความสำเร็จ เราก็อวด โชว์ ให้รางวัลมันมากมาย แต่เผลอแป๊บเดียว เราก็เผลอสร้างเป้าหมายอันใหม่ให้เราวิ่งไขว่คว้าอีกแล้ว แล้วก็หลงไปกับความสำเร็จ สำเร็จไม่รู้จบ เหนื่อยไม่รู้จบ จนหลังๆ โค้ชบอกกับตัวเองว่าแค่สุขก็สำเร็จแล้ว ถ้าทำแล้วล้มเหลว ปรับความคิดให้อยู่กับมันได้ก็โอเคแล้ว คนเราต้องอยู่กับความล้มเหลวให้เป็น ให้กำลังใจตัวเองให้ได้ด้วย เป็นเรื่องสำคัญมาก โค้ชสะกดจิตลูกตั้งแต่เด็ก เพราะกลัวมากว่าวันหนึ่งถ้าลูกโตมาในสังคมที่มุ่งหวังความสำเร็จกัน ที่สอนอยู่เสมอคืออย่าไปสนใจกับคำเหล่านี้มาก เวลาไปแข่งกีฬา ไม่ห่วงเวลาเขาชนะ เราจะบอกอย่างเดียวว่าอย่าดูถูกและให้เกียรติผู้แพ้ แต่ถ้าวันไหนเขาเล่นกีฬาแล้วแพ้ วันนั้นคือวันที่โค้ชใส่ใจเป็นพิเศษ สิ่งหนึ่งที่บอกเขาเสมอคือชีวิตเราเกิดมาเพื่อแพ้ และพร้อมจะแพ้อีกนับครั้งไม่ถ้วน

 

เมื่อไรที่แพ้ อย่าเสียเวลาเสียใจกับคำว่าแพ้ เมื่อทำผิด ทำพลาด ให้ทำใหม่ ในระหว่างที่เราทำนั้น ถ้ามีความสำเร็จเล็กๆ น้อย อย่าลืมให้กำลังใจกับตัวเองบ้าง อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่นหรือปลายทางเสียหมดจนลืมให้ความสำคัญกับความสำเร็จเล็กๆ ของเรา

 

 


 

Credits

 

Show Creator จักรพงษ์ เมษพันธุ์

Episode Producer เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Shownote อธิษฐาน กาญจนะพงศ์

Proofreader ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์

Music Westonemusic.com

  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising