นวัตกรรมสามารถสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้อย่างไร? AltoTech คือสตาร์ตอัปสัญชาติไทยแห่งหนึ่งที่เป็นตัวอย่างของการนำแนวคิดในการขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่านนวัตกรรมด้านพลังงานมาปรับใช้
THE SME HANDBOOK by UOB เอพิโสดที่ 5 ของซีซัน 8 นี้ เฟิร์น-ศิรัถยา อิศรภักดี ชวน ดร.วโรดม คำแผ่นชัย CEO และ Co-founder ของ AltoTech Global มาสำรวจแนวคิดในการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ในธุรกิจ ซึ่งต้องเผชิญความท้าทายและอุปสรรคมากมายระหว่างทางก่อนจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
จุดเริ่มต้นของ AltoTech กับแนวคิดเรื่องการจัดการพลังงาน
เทรนด์โลกทุกวันนี้ต่างให้ความสำคัญในการเรื่องลดคาร์บอน เราอยู่ในยุค Net Zero ที่ทุกคนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในหลายๆ ภาคส่วน ซึ่งพบว่า 40% ของคาร์บอนที่ปล่อยออกมานั้นมาจาก Built Environment โดยเฉพาะอาคาร ห้าง โรงแรม โรงงาน ฯลฯ ที่มีการใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศจำนวนมาก
AltoTech เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาเรื่องการจัดการพลังงาน โดยต่อยอดจากประสบการณ์ที่เคยทำด้าน Smart Home ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา พัฒนาออกมาระบบบริการจัดการพลังงานที่เรียกว่า Smart Building Smart Factory เราพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า Building Automation and Control System คือเป็นระบบที่ทั้งมอนิเตอร์ได้ คอนโทรลได้ มี Data Analytics ในการช่วยบริหารจัดการ และวิเคราะห์ว่าจะปรับการทำงานของเครื่องจักรในตึกหรือโรงงานอย่างไรเพื่อให้ประหยัดพลังงานและลดคาร์บอนฟุตพรินต์อย่างมีประสิทธิภาพ
คำถามต่อมาคือ สำหรับผู้ประกอบการที่มีตึก อาคาร หรือโรงงาน AltoTech จะเข้าไปช่วยในส่วนใดบ้าง อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือ สมมติไปเดินห้าง เราจะเห็นว่าห้างมันใหญ่มาก แต่เคยลองคิดไหมว่ามันมีอุปกรณ์ที่ควบคุมพลังงานทั้งตึกอยู่มากมายแค่ไหน เราเดินเข้าไปในห้างเย็นๆ แต่หลังบ้านทำงานกันหนักมาก มีทั้งระบบทำความเย็นที่เรียกว่าชิลเลอร์ ปั๊ม คูลลิงทาวเวอร์ รวมถึงพัดลมระบายอากาศต่างๆ ซึ่งหลังบ้านของอาคารขนาดใหญ่จะมีทีมช่างที่คอยดูแลระบบเหล่านี้อยู่ เปรียบเทียบเหมือนบ้านเรา ถ้าบ้านมีแอร์ 7 ตัว การจะประหยัดพลังงานก็ต้องปิดบ้าง เปิดบ้าง หรือติดโซลาร์ คิดดูว่าในห้างมีแอร์หลายพันเครื่อง ทีมช่างมี 5-10 คน มันยากมาก ถึงแม้จะมีรีโมทวิเศษก็เดินไล่ปรับทีละอันไม่ได้
ระบบ Building Automation and Control System ของเราจะทำหน้าที่คอยมอนิเตอร์ตลอดว่าอุณหภูมิของแต่ละจุดเป็นอย่างไรบ้าง ตรงไหนร้อน ตรงไหนเย็น คล้ายๆ ระบบ Smart Home ที่สามารถเพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าไปในแอปพลิเคชันได้ ตึกก็เหมือนกัน เราต้องมีระบบที่สามารถบริหารจัดการแอร์หลักพันตัวได้
ระบบดังกล่าวจะมาช่วยพัฒนาสมองของระบบปรับอากาศในอาคารเหล่านั้นให้สามารถคิดเองได้ว่าสภาพอากาศภายนอกเป็นอย่างไร ภายในมีคนเยอะแค่ไหน พนักงานจะทำงานอย่างไร เหมือนเป็นออโตไพลอตของอาคารเลยก็ว่าได้ ซึ่งช่วยทุ่นแรงและทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของแต่ละอาคารดีขึ้น คือแทนที่เราจะใช้คนในการสังเกตการณ์อุปกรณ์เป็นพันๆ ตัว แต่เราสร้าง Big Data แล้วมาวิเคราะห์ สั่งให้ระบบคอนโทรลตัวเองเพื่อประหยัดพลังงาน
ระบบ Building Automation เกิดการประหยัดพลังงานแน่นอน แต่มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
ถ้าถามว่าการติดตั้งระบบแล้วจะประหยัดพลังงานได้กี่เปอร์เซ็นต์ คงไม่สามารถตอบตัวเลขแบบแม่นยำได้ แต่ต้องจำแนกเป็น New Building, Good Maintenance ไปถึง Old Building, Worst Maintenance เราก็จะต้องแบ่งระดับความสามารถพื้นฐานของอาคารก่อน ถ้าเป็นอาคารใหม่ที่ใช้ชิลเลอร์แพลนต์ เราสามารถดีไซน์ระบบให้ประหยัดได้ประมาณ 16-20% อย่าง AltoTech เองมีโอกาสทำให้กับมาบุญครอง พบว่ามีตัวเลขการประหยัดพลังงานอยู่ที่ประมาณ 10-17%
ถ้าเป็น New Building, Good Maintenance แต่ยังใช้คนดูแลอยู่ อาจลดลงได้ประมาณ 5-10% แต่ถ้าเป็น Old Building, Worst Maintenance ตึกที่เก่ามากๆ รวมถึงบางทีมีคนงานดูแลไม่เพียงพอบ้าง ก็อาจจะลดได้ประมาณ 40% ซึ่งตัวเลขนี้รวมถึงการต้องเปลี่ยนเป็นเครื่องจักรด้วย เพราะเราจะบอกลูกค้าเสมอว่า AI ไม่ใช่พระเจ้า การใส่ซอฟต์แวร์เข้าไปจะต้องมีการปรับฮาร์ดแวร์ด้วย เปรียบเทียบเหมือนกับรถยนต์ที่เก่ามากๆ ถ้าเราอยากจะอัปเกรดก็ต้องติดกล้อง ติดอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปใหม่เพื่อเสริมการทำงาน
นวัตกรรมของ AltoTech ช่วยให้เกิดความยั่งยืนด้านใดบ้าง
หากพูดถึงเรื่องความยั่งยืน มีรีเสิร์ชชิ้นหนึ่งที่บอกว่าไทยเป็นประเทศที่คนอยากมาเที่ยวมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก แต่คะแนนความยั่งยืนโดยรวมของเราอยู่อันดับที่ 107 ส่วนคะแนนความยั่งยืนด้านพลังงานอยู่ที่อันดับ 70 กว่าๆ กล่าวคือน่ามาเที่ยวที่สุดในโลก แต่เรื่องความยั่งยืนยังห่างไกล รีเสิร์ชด้านเที่ยวบินก็ยังสู้เขาไม่ได้ เพราะเรามีการปล่อยคาร์บอนต่อเที่ยวบินสูงกว่า เพราะฉะนั้นมองว่าทุกเซกเตอร์จำเป็นต้องทำเรื่อง Net Zero ทุกคนต้องลดคาร์บอนฟุตพรินต์ และอุตสาหกรรมที่โดนก่อนคือโรงแรม ที่ตอนนี้กำลังได้รับแรงกดดันจากหลายๆ ประเทศ
รายได้จากธุรกิจโรงแรมจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มาจัดสัมมนาใหญ่ๆ (MICE) กับกลุ่มที่เป็นห้องพักหรือรีสอร์ตทั่วไป สำหรับกลุ่ม MICE ถ้าองค์กรไทยหรือต่างประเทศก็ตามมาจัดอีเวนต์ เขาจะถามเลยว่าคาร์บอนฟุตพรินต์ในการจัดงานครั้งนี้คือเท่าไร แล้วตัวเลขที่บอกต้องนำไปเทียบกับกับเกณฑ์การจัดประชุมที่สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ว่าคุณสู้เขาได้ไหม ซึ่ง 80-90% คือสู้ไม่ได้ ดังนั้นผู้จัดงานควรจะมาที่ไทยหรือบินไปสิงคโปร์เพื่อจัดอีเวนต์นี้?
ส่วนกลุ่มห้องพักในโรงแรมและรีสอร์ต ปัญหาหลักๆ ที่พบคือเมื่อเช็กอินเราจะได้คีย์การ์ด 2 ใบ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำคือเสียบไว้ใบหนึ่งสำหรับเปิดแอร์ทิ้งไว้ทั้งวัน แล้วคนก็ออกไปเที่ยวโดยไม่ได้สนใจ ถ้าวันนี้เราอยากประหยัดไฟในโรงแรม แต่ยังใช้ระบบคีย์การ์ดอยู่ ก็มีวิธีการคือติด Motion Sensor เข้าไป แต่บางทีลูกค้าก็อาจรู้สึกไม่โอเคในบางกรณี หรืออีกปัญหาคือถ้าลูกค้านอนหลับ ระบบแอร์ก็ตัดไปด้วย ซึ่งตรงนี้ AltoTech สามารถแก้ปัญหาได้โดยใช้ Microwave Sensor เป็นตัวที่ใช้วัดอุณหภูมิ ความชื้น คาร์บอนต่างๆ แล้วก็สร้างโมเดล AI ที่คอยจับว่ามีคนอยู่ในห้องหรือไม่ ดังนั้นต่อไปจะเห็นเรื่องของ Smart Room ถ้าคนไม่อยู่ ระบบจะเข้าสู่ Energy Saving Mode โดยอัตโนมัติ ถ้ามีคนอยู่ก็จะเข้าสู่ Healthy Mode ปรับความชื้น เติมอากาศเข้าไปเพื่อให้ผู้เข้าพักอยู่สบาย
สิ่งที่จะเห็นชัดเจนต่อไปในอนาคตคือ ‘คาร์บอนฟุตปรินต์’ ที่จะไม่ได้วัดที่อีเวนต์อย่างเดียว แต่วัดกันที่ห้องพักด้วย เช่น คุณปล่อยคาร์บอนกี่กิโลในระหว่างการเข้าพัก โรงแรมบางแห่งเริ่มมีรีวอร์ด ถ้าคุณทำดี เป็นลูกค้าที่ปล่อยคาร์บอนน้อยมาก เซฟพลังงานทุกอย่าง ใช้น้ำอย่างประหยัด ก็จะได้ของที่ระลึกจากโรงแรมกลับไป เป็นต้น
คุ้มค่าแค่ไหน ราคาที่ต้องจ่ายเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและต้นทุนที่ลดลง
นี่คือคำถามแรกสำหรับทุกคน เพราะไม่มีใครอยากจ่ายค่าไฟแพง และผู้ประกอบการมักจะถามกลับเสมอว่าใช้เวลาคืนทุนเท่าไร ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยี AI หรือ IoT (Internet of Things) นั้นราคาถูกลงมากๆ แล้ว ปัจจุบันลงมาต่ำกว่า 3 ปี เทียบกับโซลาร์ที่อาจจะคาดหวังได้ที่ 3-4 ปี
คำถามต่อมาคือ IoT ถูกลงแล้ว แต่สิ่งที่ควรคิดมากกว่าคือ Data ถ้าเราเอามาใช้ประโยชน์จะยิ่งทำให้คืนทุนเร็ว แล้วตอนนี้ผู้ประกอบการมีทางเลือกมากขึ้น เพราะสถาบันการเงินมีนโยบาย Green Loan และ Green Financing สนับสนุนการใช้โซลาร์ ถ้าไม่มีเงิน ธนาคารก็ให้กู้ เพราะถ้าคุณลดการใช้พลังงานได้ ธนาคารก็ได้ประโยชน์ด้วย
Sustain มองมิติความยั่งยืนเป็น ‘โอกาส’ มากกว่า ‘ต้นทุน’
ตอนนี้ถึงแม้ผู้ประกอบการบางรายจะยังไม่เริ่มจัดการเรื่องความยั่งยืน แต่ในวันหนึ่งเขาจะโดนแรงกดดันจากลูกค้า อย่าง AltoTech ที่เคยไปช่วยทำ Carbon Neutral Event ให้กับผู้จัดในฮอลล์แห่งหนึ่ง แล้วพบว่าการจัดงานมันกระทบทุกอย่าง ตึกต้องบอกให้ได้ว่าคาร์บอนฟุตพรินต์เท่าไร ของชำร่วยและของที่ใช้จัดในงาน รวมไปถึง Third Party และอีโคซิสเต็มทุกอย่างถูกเอามาคิดหมด แม้กระทั่งคนที่มาร่วมงาน เราทำเซอร์เวย์ให้เห็นเลยว่าคุณเดินทางมาอย่างไร เครื่องบิน ขับรถ นั่งแท็กซี่ การปล่อยคาร์บอนก็ต่างกันแล้ว ซึ่งในงานนั้นเรามี Real-time Dashboard ขึ้นมาโชว์ให้เห็นเลยเพียงแค่สแกน QR Code เมื่อคนหลายพันคนเห็น เขาจะรู้สึกมีส่วนร่วมที่จะสนับสนุน เพราะมันกระทบทุกภาคส่วนจริงๆ
เพราะฉะนั้นทั้งหมดเป็นอีโคซิสเต็ม ถ้าผู้ประกอบการยังต้องง้อลูกค้า สุดท้ายคุณจะถูกกดดันเองในที่สุด อย่างธุรกิจโรงแรมก็ต้องทำให้ได้มาตรฐาน Green Hotel Plus ไม่อย่างนั้นแขกฝรั่งอาจจะไม่มา ต่อมารัฐจะไม่ช่วย ททท. จะไม่โปรโมตถ้าคุณไม่ใช่โรงแรมรักษ์โลก ธนาคารไม่ให้กู้เงินเพราะคุณไม่ได้ช่วยลดพลังงาน ซึ่งอยู่ใน Scope 3 ที่เป็นเป้าหมายของ Net Zero เพราะยิ่งคุณขยายธุรกิจเท่าไรก็ยิ่งปล่อยคาร์บอนเยอะขึ้น
SME อยากเริ่มต้นทำ Building Automation ควรเริ่มจากอะไร
หนึ่ง ต้องรู้วิธีวัดคาร์บอนฟุตพรินต์ก่อน ซึ่งมีเฟรมเวิร์กมากมายที่สามารถหาได้ในอินเทอร์เน็ต อย่างธุรกิจโรงแรม CF-Hotels ธุรกิจโรงงานมี NexTech มี Industrial 4.0 มีแพลตฟอร์มช่วยประเมิน ธุรกิจอาคารก็มีเกณฑ์ของกระทรวงพลังงานเพื่อประเมินว่าเราอยู่ตรงไหน ฉะนั้นให้เริ่มจากการวัดก่อน ถ้าคู่แข่งธุรกิจของคุณอยู่ต่างประเทศก็ต้องวัดเทียบกับต่างชาติด้วย
สอง ตั้งเป้าว่าอยากจะลดคาร์บอนฟุตพรินท์เท่าไร วิธีการไปสู่ความยั่งยืนทำอย่างไร หลังจากนั้นคือหามาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน โดย AltoTech มีซอฟต์แวร์ชื่อ Alto Zero เป็นฟอร์มกลางในการรวมข้อมูลทั้งของพนักงานและแมชชีนที่เป็นระบบ IoT แต่ถ้าองค์กรยังไม่มีระบบก็อาจจะใช้วิธีบันทึกเองเพื่อวิเคราะห์หามาตรการ แล้วค่อยมาดำเนินการติดตั้งระบบเพื่อควบคุมระบบ Automate ต่างๆ
เมื่อรีดประสิทธิภาพได้แล้วอยากลีนต่อ คุณจะรู้ได้เลยว่าเครื่องจักรตัวไหนต้องเปลี่ยน เพราะมีข้อมูลหมดแล้ว สิ่งสำคัญคือลีนต้องลีนด้วย Data
UOB พันธมิตรสถาบันการเงินที่ร่วมขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืน
ทางเรามีโอกาสได้เข้าร่วมโปรแกรม The GreenTech Accelerator ของ UOB ซึ่งค่อนข้างซัพพอร์ตธุรกิจ SME โดยมีสตาร์ตอัปจากหลายๆ ประเทศ ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ประมาณ 30 ทีม ทำในเรื่องของ Decarbonisation Technology รวบรวมผู้ประกอบการที่มีโซลูชันในการลดการใช้ไฟฟ้าไปทำเรื่องความยั่งยืนร่วมกัน
อย่าง AltoTech ที่เป็น Energy Management Software แล้วก็เป็นโซลูชันหนึ่งที่ UOB สามารถแนะนำไปให้ลูกค้าได้ พอเข้าโปรแกรม เราไม่ได้มีแค่ของเรา แต่ไปรวมของเพื่อนมาด้วยแล้วขายให้เป็นแพ็ก โดยเจ้าของธุรกิจไม่ต้องคิดเยอะ ตอนนี้เรามีกลุ่มเพื่อนๆ ที่ฟอร์มทีม Net Zero Smart Solutions ที่แพ็กมาแล้วตั้งแต่หลังคายันใต้ดิน คุณยังขาดอะไรบ้าง เราก็ไปนำเสนอร่วมกัน โดยที่มี UOB ซัพพอร์ตเรื่องการเงิน
ฝากถึงผู้ประกอบการเคยคิดว่า Smart Building เป็นต้นทุน แต่วันนี้ได้เห็นภาพชัดเจนถึงประสิทธิภาพที่เกิดชัดเจนขึ้น
เรามองว่าโลกของ Sustainability มันกระทบทุกภาคส่วนแน่นอน สิ่งสำคัญมากๆ ของสมการที่เราจะแก้เรื่องโลกร้อนคือข้อมูล Building Automation เป็นแค่เทคโนโลยีก็จริง แต่มันเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเรารวบรวมข้อมูลมา ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญมากๆ ของผู้ประกอบการคือการรวบรวมข้อมูลแล้วเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้ได้ เมื่อเรามีข้อมูล ก็สามารถทำแผนการประหยัดพลังงานได้แน่นอน
Credits
The Host ศิรัถยา อิศรภักดี
Show Producer พิชญ์สินี ยงประพัฒน์
Co-Producer กรรญารัตน์ สุทธิสน
Creative ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Sound Editor มุกริน ลิ่มประธานกุล
Sound Designer & Engineer กฤตพล จียะเกียรติ
Sound Recording Engineer ขจีพรรณ วิจิตรรัตน์, ธภัทร ตั้งวงษ์ไชย
Graphic Designer ธิดามาศ เขียวเหลือ
Channel Manager เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
Channel Admin นิพพิชฌน์ ชุลีนวน
Proofreader Team
THE STANDARD Webmaster Team
THE STANDARD Archive Team