ดิสโทเปียไม่สิ้นหวัง อ่านเล่มไหนดี

ดิสโทเปียที่ถูกพูดถึงในหนังสือหรือภาพยนตร์มักให้ภาพของโลกในอนาคตที่ยากไร้ วุ่นวาย โกลาหล ผู้คนต่างแย่งชิงเพื่อเข้าถึงทรัพยากรหรือแม้แต่ภาพของการใช้อำนาจให้ตกอยู่ภายใต้การควบคุม

ไม่ใช่เพียง Animal Farm ที่กำลังถูกพูดถึง แต่ภายใต้บรรยากาศที่ดูเหมือนไม่มีความหวัง นวนิยายดิสโทเปียหลายเล่มกำลังบอกเราว่าอย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะทุกอย่างมันมีทางไปของมันเสมอ

สำหรับผู้ที่ชอบฟังพอดแคสต์ สามารถคลิกปุ่ม Play ด้านบนเพื่อฟังเรื่องสนุกๆ จากหนังสือเล่มต่างๆ แต่สำหรับผู้ที่ถนัดอ่าน เราได้รวบรวมรายชื่อหนังสือที่ถูกพูดถึงใน Readery Podcast เอพิโสดนี้ไว้ด้านล่าง เผื่อใครที่อยากอ่านรายละเอียดคร่าวๆ พร้อมกดสั่งซื้อได้เลย

ฟาเรนไฮต์ 451

แปลจากหนังสือ Fahrenheit 451

ผู้เขียน เรย์ แบรดเบอรี

ผู้แปล ชาญ คำไพรัช

สำนักพิมพ์ สมิต

รายละเอียดหนังสือ ฟาเรนไฮต์ 451 นวนิยาย 1 ใน 100 เรื่องที่ต้องอ่านก่อนตายของ Amazon และเป็น 10 หนังสืออ่านนอกเวลาที่เด็กมัธยมอเมริกันทุกคนต้องเคยอ่าน แล้วเหตุผลคืออะไรล่ะ หนังสือเรื่องนี้มีการเดินเรื่องที่ตื่นเต้นฉับไว ชวนให้ติดตาม ทั้งผู้แปลก็ได้บรรจงร้อยความได้อย่างเหมาะสม แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดนั่นคือเนื้อหาที่ท้าทายมนุษยชาติให้ต้องหันมาดูความจริงของการปิดกั้นเสรีภาพและสิทธิขั้นพื้นฐานในด้านการอ่านด้วยการเผาหนังสือที่ขัดต่อนโยบายของรัฐ ซึ่งผู้ปกครองอาจปิดกั้นได้สักระยะหนึ่ง แต่ในระยะยาวเมื่อมีแรงกดดันของความอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้น การปะทุขึ้นจะยิ่งรุนแรง

เรื่องเล่าของสาวรับใช้

แปลจากหนังสือ The Handmaid’s Tale

ผู้เขียน มาร์กาเร็ต แอตวูด

ผู้แปล จุฑามาศ แอนเนียน

สำนักพิมพ์ ไลบรารี่ เฮ้าส์

รายละเอียดหนังสือ นวนิยายไซไฟดิสโทเปียของนักประพันธ์ชาวแคนาดา มาร์กาเร็ต แอตวูด พิมพ์ครั้งแรกในปี 1986 กล่าวถึงโลกอนาคตในปี 2195 ท้าทายการรับรู้ความจริงทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ ความเชื่อและความศรัทธาต่อศาสนา ผ่านคำบอกเล่าของ ออฟเฟรด หญิงรับใช้คนหนึ่งในกิเลียด อาณาจักรที่มีระบอบการปกครองแบบแบ่งแยกหน้าที่และชนชั้น มอบคุณค่าและบทบาทของคนจากความสามารถในการอุทิศร่างกายให้แก่การผลิตทรัพยากรเพื่อผดุงการดำรงอยู่ของมวลมนุษยชาติ

ดิสโทเปียไม่สิ้นหวัง ภาพยนตร์ฮอลลีวูดและการเมืองโลก

ผู้เขียน สรวิศ ชัยนาม

ผู้แปล กรพินธุ์ พัวพันสวัสดิ์

สำนักพิมพ์ ศยามปัญญา

รายละเอียดหนังสือ ดิสโทเปียไม่ได้ผลิตสร้างความห่อเหี่ยวสิ้นหวังเสมอไป และแน่นอนว่าดิสโทเปียห่างไกลจากการสร้างความสดใสและพลังคิดบวกแก่เรา แต่สิ่งที่มันหยิบยื่นให้ก็คือความเป็นไปได้แห่งความหวัง อีเกิลทันมีความเห็นว่าคนคนหนึ่งสามารถมีความหวังโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ รอบตัวจะดีขึ้น ดิสโทเปียมิได้ห้ามปรามกดทับความคิดว่าด้วยการปลดปล่อย แม้ว่ามันจะวาดภาพสุดเลวร้ายของอนาคตอันไร้ซึ่งทางออกใดๆ มันบอกกับเราว่ามนุษยชาติได้เผชิญกับความฉิบหายแล้ว เราสูญสิ้นทุกอย่าง นี่คือชะตากรรมของเรา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราไม่ทราบก็คือเราถูกลิขิตชะตากรรมอย่างไร เราไม่ทราบว่าการกระทำหรือการตัดสินใจใดของเราถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม

สามารถฟังพอดแคสต์ Readery
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย