วันนี้ (15 มกราคม) เว็บไซต์ AirVisual รายงานสถานการณ์ฝุ่นรอบโลกฉบับเรียลไทม์ (ช่วงเวลา 09.00 น.) พบว่าผลการจัดอันดับค่าฝุ่นรอบโลกของประเทศไทยเฉพาะเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีปริมาณฝุ่นแบบภาพรวมที่ 120 US AQI ส่วนปริมาณฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยที่ 43.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้หากจำแนกเป็นพื้นที่ต่างๆ ทั่วเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะพบว่าแนวโน้มค่าฝุ่น PM2.5 เริ่มลดลงในหลายพื้นที่ เหลือพื้นที่เกินมาตรฐาน (เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) 2 พื้นที่ โดยรวมอยู่ในเกณฑ์ ‘คุณภาพดีมาก’ ถึง ‘เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ’ โดยสามารถแบ่งเป็น 5 พื้นที่ที่พบค่าฝุ่นสูงได้ดังนี้
- ริมถนนพหลโยธิน เขตบางเขน (52)
- ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง (51)
- แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ (50)
- ริมถนนพระราม 3-เจริญกรุง เขตบางคอแหลม และแขวงคลองเตย เขตคลองเตย (49)
- ริมถนนนวมินทร์ แยกบางกะปิ เขตบางกะปิ (46)
ขณะเดียวกันบริเวณโซนภาคเหนือตอนบนของไทยมีการตรวจพบ PM2.5 ในปริมาณที่เกินค่ามาตรฐานหลายวันต่อเนื่อง ซึ่งมีปริมาณฝุ่นโดยรวมอยู่ที่ 22-87 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานกว่า 8 พื้นที่ โดยแบ่งเป็น 5 พื้นที่ภาคเหนือที่พบค่าฝุ่นสูงได้ดังนี้
- ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง (87)
- ตำบลนาจักร อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ (77)
- ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง (73)
- ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง (72)
- ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมืองจังหวัดพะเยา และตำบลสวนป้าด อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง (58)
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรเฝ้าระวังสุขภาพและควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่งทุกชนิด บำรุงรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้เกิดควันดำ ใช้ระบบขนส่งสาธารณะทดแทนการใช้รถส่วนบุคคล ตรวจสอบและไม่ใช้รถขนส่งสาธารณะที่มีควันดำ รวมทั้งขอความร่วมมือสถานที่ก่อสร้างกับโรงงานอุตสาหกรรมควบคุมและลดการระบายฝุ่นและมลพิษทางอากาศด้วย
โดยประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ได้ทางเว็บไซต์ AirVisual หรือทางแอปพลิเคชัน AirVisual ทั้งในระบบ Android และ iOS เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่นบริเวณนั้นๆ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์