วันนี้ (19 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุมการพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ว่า ที่ประชุมหารือถึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่อนุมัติโดยรัฐบาลที่แล้ววงเงินกว่า 1.5 แสนล้านบาท แต่ใช้จริงไปประมาณ 1.1 แสนล้านบาท จึงเร่งรัดหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเร่งเบิกจ่าย เพื่อนำไปดำเนินการเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเบิกจ่ายงบควรดำเนินการเสร็จสิ้นตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาหรือไม่ ภราดร กล่าวว่า ควรต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งที่จริงแล้วงบไม่เหลือ เนื่องจากมีการเซ็นสัญญาแต่ยังไม่เบิกจ่ายรัฐบาลจึงต้องผลักดันเพื่อนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ระบุจะนำเงินงบประมาณส่วนต่าง มาใช้ให้เกิดความสมดุลระหว่างช่วยเหลือน้ำท่วม กับกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไร ภราดร กล่าวว่า ครม. อนุมัติ งบสำหรับน้ำท่วมไปแล้วกว่า 6,000 ล้านบาท รวมถึงปรับหลักเกณฑ์ที่เพิ่มวงเงินช่วยเหลือ โดยอยู่ในวงเงินงบประมาณเดิม จึงไม่กระทบกับงบกลางที่เหลือประมาณ 70,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่ง นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังมีแนวทางจะนำไปใช้ในโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ที่จะเริ่มในเดือนมกราคม 2569 ซึ่งจะเริ่มสำรวจตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ เพื่อดูว่าจะใช้วงเงินดำเนินการเท่าไหร่ ตรงนี้อาจต้องนำงบกลางที่เหลือมาใช้บางส่วน ทั้งนี้เงินจากโครงการฯในเฟสแรก ที่เหลือจากคนที่ไม่ได้ใช้สิทธิ์ประมาณ 6,000 พันล้านบาท ได้นำไปใช้กับร้านค้าที่อัปสกิล 800 ล้านบาท และที่เหลืออีกกว่า 5,000 ล้านบาทจะนำไปรวมกับเฟสใหม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2570 ยังมีความจำเป็นที่ต้องกันงบไว้สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหรือไม่ ภราดร กล่าวว่า ยังไม่มีแนวทาง และในที่ประชุมที่พูดคุยกันวันนี้เป็นการอนุมัติกรอบว่ารายได้รัฐมีจำนวนเท่าไหร่ และประมาณการจัดเก็บรายได้ที่ 3.3 ล้านล้านบาท รวมถึงตั้งเป้าจัดทำงบประมาณขาดดุล 3.7 แสนล้านบาท ที่มีทิศทางขาดดุลน้อยกว่าปีที่แล้วที่ขาดดุลร้อยละ4.4 ปีนี้จะทำให้เหลือร้อยละ3.9 อีกทั้งนายกฯยังมีแนวทางให้การกู้เงินในช่วง 3-4 ปีนับจากนี้ เพื่อจะทำให้การขาดดุลลดลงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ว่างบประมาณจะทันใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2569 หรือไม่ เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ภราดร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงจึงกำหนดปฏิทินให้เร่งรัดดำเนินการได้ทันปีงบประมาณปกติ โดยคาดว่าจะผ่านความเห็นชอบจากครม.ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2569 ก่อนที่จะมีการยุบสภา เพื่อเผื่อเวลาช่วงสุญญากาศในช่วงการเลือกตั้ง ที่คาดว่าจะมีการจะเลือกตั้งภายในวันที่ 29 มีนาคม 2569 และกกต.ประกาศรับรองช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2569 ซึ่งอาจทำให้ปฏิทินงบประมาณล่าช้าออกไปเล็กน้อย โดยปฏิทินงบประมาณของปี 2570 จะใช้ได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2569 ไปถึงโดยพยายามเร่งรัดให้ทันไม่ให้เกิดความล่าช้าเหมือนปี 2566 ที่ต้องลากยาวไปถึงไตรมาส 2


