วันนี้ (22 พฤศจิกายน) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจภาพรวมแผนการบริหารจัดการและการฉีดวัคซีนโควิดในไทย โดยเฉพาะวัคซีนแบบผสมผสานหรือ ‘สูตรไขว้’ ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดฉีดให้ประชาชน เห็นผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสูตรไขว้ SV+AZ และ SV+SV+AZ สามารถสร้างภูมิต้านทานป้องกันโควิดที่มีอาการได้ถึง 80-90% ถือว่ามากกว่าการฉีด AZ 2 เข็มที่ป้องกันโควิดที่มีอาการได้ 70-80% เห็นผลลัพธ์ในการลดอาการติดเชื้อรุนแรงหรือป่วยหนักได้เป็นอย่างดี ทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างเห็นผล
ทั้งนี้ ข้อมูลการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 21 พฤศจิกายน 2564 (เวลา 12.30 น.) มีการฉีดวัคซีนสะสม 88,873,271 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 สะสม 46.6 ล้านราย เข็มที่ 2 สะสม 39.1 ล้านราย เข็มที่ 3 สะสม 3 ล้านราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีนคิดเป็นร้อยละ 81 ของผู้มีสิทธิ์รับวัคซีน โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส คิดเป็นร้อยละ 59 ของประชากรรวม หรือร้อยละ 68 ของผู้มีสิทธิ์รับวัคซีน ทั้งนี้ มี 16 จังหวัดที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 70 แล้ว ประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร, ภูเก็ต, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นนทบุรี, ชลบุรี, ปทุมธานี, นครปฐม, เพชรบุรี, กระบี่, พังงา, ระนอง, ระยอง, ฉะเชิงเทรา, ตราด และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขคาดว่าไทยจะบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้ 100 ล้านโดส ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้ถึง 1 เดือน
ธนกรกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่องและเห็นผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิตที่ต่ำกว่า 100 ราย ติดต่อกันมานานากว่าเดือนแล้ว โดยวานนี้ (21 พฤศจิกายน) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 7,006 ราย และหายป่วยกลับบ้าน 7,591 ผู้เสียชีวิตจำนวน 29 ราย ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 จำนวน 2 ล้านราย และยอดหายป่วยสะสม 1.9 ล้านราย สะท้อนความสำเร็จในการบริหารสถานการณ์โควิดของรัฐบาล และความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทุกภาคส่วนได้เป็นอย่างดี
“รัฐบาลภายใต้การบริหารของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งจัดหาและกระจายวัคซีนในสต๊อกทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกพื้นที่ฉีดวัคซีนให้ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ขอเชิญชวนประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในเกิดขึ้นโดยเร็ว สร้างความแข็งแกร่งในระบบสาธารณสุขให้รองรับการระบาด เพื่อลดความรุนแรงและการเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และการเปิดประเทศตามแผนที่กำหนด” ธนกรกล่าวในท้ายที่สุด