วันนี้ (7 ตุลาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมระหว่างรัฐบาลไทยกับคณะผู้บริหารระดับสูงจาก 6 บริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ได้แก่ Grab, Agoda, Expedia, IHG และ Marriott International, Trip.com Group และการบินไทย พร้อมกล่าวถึงแคมเปญการท่องเที่ยวไทย ‘Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025’ ว่า เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการฟื้นฟูและเปลี่ยนแปลงภาคการท่องเที่ยวของประเทศ ให้เป็นรากฐานสำคัญของความเจริญรุ่งเรืองของไทย
ในปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น 7.5% และตั้งเป้าหมายการท่องเที่ยวมวลรวมไว้ที่ 3.4 ล้านล้านบาท พร้อมคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน และเกิดการเดินทางภายในประเทศมากกว่า 205 ล้านครั้งทั่วประเทศไทย ทั้งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก และสถานที่อันน่าค้นหา (Hidden Gems) โดยผ่านโครงการต่างๆ ดังนี้
- มนต์เสน่ห์ไทย (Thai Charisma) นำเสนอประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ เน้นย้ำถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย
- เมืองมนต์เสน่ห์ซ่อนเร้น (Hidden Gem Cities) ส่งเสริมจุดหมายปลายทางที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้มาเยือน และกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้ทั่วถึงทั้งประเทศ ซึ่งจะช่วยลดปัจจัยด้านการท่องเที่ยวเฉพาะฤดูกาล และนำผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมาสู่ทุกภูมิภาค
- แนวคิด 5 กิจกรรมท่องเที่ยว 5 Must – Do in Thailand
- ต้องชิม (Must Taste) สัมผัสรสชาติอันหลากหลายของอาหารไทย
- ต้องลอง (Must Try) สัมผัสความตื่นเต้นของมรดกทางวัฒนธรรม เช่น มวยไทย
- ต้องช้อป (Must Buy) ค้นพบแฟชั่นไทยและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงงานหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยเฉพาะผ้าย้อมครามของไทย ซึ่งมีกระบวนการย้อมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
- ต้องแสวงหา (Must Seek) สำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ๆ และประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร
- ต้องชม (Must See) เพลิดเพลินกับเทศกาลไทยอันคึกคัก และงานอีเวนต์ระดับนานาชาติที่สำคัญ เช่น เทศกาลลอยกระทง งานสงกรานต์ และเทศกาล Thailand Winter Festivals ซึ่งจะเริ่มจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2567
นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำว่า รัฐบาลจะเพิ่มขีดความสามารถด้านเที่ยวบินและยกระดับการเชื่อมโยง ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เชื่อมต่อได้มากขึ้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยศักยภาพของทุกบริษัทชั้นนำระดับโลก ที่มีทั้งประสบการณ์และความชำนาญในเทคโนโลยี การเก็บรวบรวมฐานข้อมูลเชิงลึกต่างๆ จะช่วยยกระดับภาคการท่องเที่ยวไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยจะมุ่งเน้นที่ 3 เสาหลักทางยุทธศาสตร์ ได้แก่
- ยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ ก่อนการเดินทาง-ระหว่างการเดินทาง-หลังการเดินทาง
- การโปรโมต 5 กิจกรรมท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในประเทศไทย และแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น Hidden Gems และสนับสนุนกลุ่ม SMEs ผ่านการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงและโปรโมตสถานที่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
- สนับสนุนการจัดงานเทศกาล อีเวนต์ระดับโลก โดยพร้อมสนับสนุนการจัดงานต่างๆ รวมถึงการเป็นเจ้าภาพงานอีเวนต์ระดับโลก
Grab ชี้ ไทยน่าลงทุน
นายกรัฐมนตรียังได้หารือกับ แอนโธนี ตัน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Grab ซึ่ง แอนโธนี ตัน ระบุว่า บริษัทมีการดำเนินงานในประเทศไทยมาเป็นเวลา 11 ปี และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำงานร่วมกับกว่า 850,000 ครัวเรือน ซึ่งเป็นทั้งคนขับ, SMEs, ด้านอาหาร และร้านอาหาร ซึ่งบริษัทมุ่งสร้างการเติบโตที่มากขึ้นเพื่อสนับสนุนผู้คนเหล่านี้ด้วย
แอนโธนี ตัน กล่าวว่า พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ และชื่นชมการทำงานของรัฐบาลที่สามารถดึงเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย ทั้งเสน่ห์ทางวัฒนธรรม อาหาร รวมถึงความใจดีของผู้คน และวันนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยกับพันธมิตรบริษัทชั้นนำ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตมากยิ่งขึ้น และผลักดันไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญระดับโลก