วันนี้ (8 เมษายน) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นภายหลังนายกรัฐมนตรี แถลงเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ในวาระแรกของสภาผู้แทนราษฎรออกไปเป็นสมัยการประชุมสภาหน้า
ณัฐพงษ์กล่าวว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปก่อน และในระหว่างการปิดสมัยประชุมนี้ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่รัฐบาลสามารถศึกษาความเป็นไปได้ให้ชัดเจน และพิจารณามาตรการผลกระทบทางสังคม ทั้งการป้องกันการติดการพนัน และป้องกันการฟอกเงิน รวมถึงการเปิดรับฟังเสียงประชาชนมากขึ้น ตามที่ฝ่ายค้านได้เรียกร้อง พร้อมยังสนับสนุนที่สภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณาญัตติด่วนจากกรณีที่สหรัฐอเมริกามีมาตรการทางภาษีกับประเทศไทย อยากให้รัฐบาลมีความชัดเจนในเรื่องนี้เช่นกัน
ณัฐพงษ์ยังหวังเห็นความชัดเจนของรัฐบาลในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่รัฐบาลได้เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาพร้อมกับร่างกฎหมาย Entertainment Complex ว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนอย่างไร จะเลื่อนออกไปพร้อมกัน หรือจะคงไว้ในวาระการประชุม
สำหรับมุมมองของฝ่ายค้านต่อการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรนั้น ณัฐพงษ์เชื่อว่า หากมีการศึกษาอย่างรัดกุม ครอบคลุม ก็อาจเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และไม่ได้เพียงการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หากมีการศึกษาระบบกฎหมายที่รอบคอบรัดกุมเพียงพอ ก็เชื่อว่าจะเป็นช่องทางแก้ปัญหาสังคมในเรื่องดังกล่าวได้ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลอาจศึกษาเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งรีบเกินไป ไม่รัดกุมเพียงพอ
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเห็นว่าควรดำเนินการออกเสียงประชามติให้สังคมมีฉันทามติต่อเรื่องดังกล่าวนั้น ณัฐพงษ์ระบุว่า ถือเป็นทางออกหนึ่ง แต่ส่วนตัวมองว่าทุกเรื่องที่สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่างกฎหมาย แล้วต้องไปทำประชามติสอบถามประชาชน เช่นนั้นก็อาจไม่จำเป็นต้องมี สส. ก็ได้ และไม่สามารถนำทุกปัญหาในสังคมไปสอบถามประชามติได้เพราะใช้งบประมาณมาก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการพนันนั้น เห็นด้วยว่าเป็นปัญหาที่มีข้อถกเถียงในสังคม จึงอยู่ที่จังหวะเวลามากกว่าว่าควรจะจัดขึ้นในช่วงใด เช่น หากรัฐบาลดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เรียบร้อยแล้ว หรือเปิดกว้างรับฟังความเห็นของประชาชนมากพอแล้ว โดยต้องการความชัดเจนจากสังคมยิ่งขึ้นในการแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ก็สามารถจัดการออกเสียงประชามติพร้อมไปกับการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดิน
ส่วนการชะลอร่างกฎหมายนี้เป็นเพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นหรือไม่นั้น ณัฐพงษ์ชี้ว่า ต้องโยนคำถามกลับไปที่นายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ว่าเคยออกตัวแรงผลักดันร่างกฎหมาย แต่สุดท้ายกลับเลื่อนการพิจารณาออกไป เพราะไม่สามารถควบคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นคำถามที่ไม่มีใครสามารถตอบแทนนายกรัฐมนตรีได้
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ ณัฐพงษ์ระบุว่า ต้องมีการเสนอญัตติเลื่อนวาระการประชุมออกไป ซึ่งจุดยืนของพรรคประชาชนย้ำมาตลอดว่า หากศึกษาอย่างรอบคอบมากเพียงพอ และภาคประชาสังคมทุกภาคส่วนให้การยอมรับ ฝ่ายค้านก็ไม่ติดขัด แต่ต้องรับฟังเสียงอย่างรอบด้านก่อน
