วันนี้ (10 มิถุนายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในปัจจุบัน โดยได้มีการพูดคุยในหลายภาคส่วนเรียบร้อยแล้ว และผลออกมาค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี ในระดับนโยบายรัฐบาลได้ให้หน่วยงานความมั่นคงและกองทัพ ตลอดจนการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งไทย-กัมพูชา ได้พูดคุยกันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ โดยได้พูดคุยกับ พล.อ. ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศชาติและผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน โดยสามารถเจรจากันได้อย่างสันติวิธีทำให้ไม่ต้องมีการปะทะกันที่รุนแรง
แพทองธารกล่าวอีกว่า ในระดับของพื้นที่ มีหน่วยงานความมั่นคงและกองทัพประสานการพูดคุยกับผู้นำของกัมพูชาในหลายๆ หน่วย ซึ่งแต่ละหน่วยมีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว และฮุน เซน ได้ประสานงานผ่าน ญึก บุญชัย ผู้บัญชาการเหล่าทัพและอดีตรองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เพื่อขอความแก้ไขป้องกันในบริเวณพื้นที่ที่มีข้อพิพาท โดยมีการรายงานและเข้าใจกันระหว่างทั้งสองประเทศมากขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการปรับกำลังพลในพื้นที่ข้อพิพาทให้อยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่ในพื้นที่อื่นๆ ยังมีกำลังพลตามบริเวณบ้าง แพทองธารเน้นย้ำว่ายังมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้เกิดขึ้นแน่นอน และยืนยันว่าไทยไม่ยอมรับในเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีทางการทูต ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสากลอยู่แล้ว
ส่วนมาตรการการเปิด-ปิดด่านชายแดน แพทองธารกล่าวว่า มีการกำชับให้เปิด-ปิดตามเวลาที่กำหนด ไม่ได้มีการปิดด่านถาวรตามข่าวลือที่ออกมาเพราะทราบดีว่าตรงนั้นมีการค้าขายระหว่างประเทศ ถ้าปิดด่านถาวรจะส่งผลเสียต่อประชาชนที่ทำการค้าขายบริเวณนั้น และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพร้อมกล่าวว่าข้อมูลบางอย่างทางเจ้าหน้าที่ขอยังไม่ให้ออกมาประกาศเพราะอาจจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดี ถึงแม้จะมีข่าวเล็ดรอดไปบ้างแต่ทางกัมพูชาก็เข้าใจด้วยดี นอกจากนี้ยังขอให้ประชาชนมั่นใจว่าสถานการณ์จะผ่านไปได้ด้วยดี เน้นย้ำว่าจะไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน ขอให้ประชาชนอย่าสร้างความแตกแยก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายกฯ สามารถให้ความแน่นอนได้เลยใช่ไหมว่าไม่มีสงคราม นายกตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ค่ะ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีความมั่นใจกับท่าทีของกัมพูชาหรือไม่ เพราะล่าสุดฮุน เซน มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กไปในเชิงลบ เช่น เรื่องการปรับท่านอนหรือปรับกำลัง ซึ่งอาจซุ่มโจมตีเมื่อมีโอกาส แพทองธารตอบว่า ได้มีการพูดคุยค่อนข้างคล้ายกันในหลายๆ จุด แต่การจะพูดว่า ‘ถอย’ ก็ไม่อยากใช้ ควรใช้คำว่า ‘ปรับกำลัง’ เพื่อให้เกียรติทั้งสองฝ่าย แต่ก็พร้อมรับมือไม่ว่าจะเป็นการปะทะในรูปแบบใด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ถึงเรื่องมูลนิธิยามเฝ้าบ้าน นำโดย สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องให้การปกป้องอธิปไตยของชาติเสร็จสิ้นก่อนการประชุม JBC แพทองธารแจงว่า ยังไม่เห็นหนังสือแต่ทราบเรื่องแล้ว และทางรัฐบาลยืนยันรับฟังเสียงประชาชน แต่ทางกองทัพเองก็มีการวางกำลังและดูแลอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมเรื่องการไม่ยอมรับในเขตอำนาจของศาลโลกประกาศเป็นสากล และถามถึงเรื่องการยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา จะนำมาพิจารณาด้วยไหม แพทองธารเน้นย้ำว่า “จะพิจารณาไปทีละเรื่อง แก้ปัญหาไปทีละปม”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามได้ถามต่อถึงพอยต์ของการพูดคุยกับผู้นำกัมพูชาว่าทำอย่างไรกัมพูชาถึงมีท่าทีที่อ่อนลง ยอมรัฐบาลไทย แพทองธารกล่าวว่า ทั้งสองประเทศต้องการทางออกอย่างสันติวิธี โดยพูดคุยกันตามความจริงใจและความสงบ ซึ่งไม่ต้องการเห็นคนทั้งสองประเทศทะเลาะกัน และเพื่อเรื่องเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
