บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ Plan B ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนี้
- ธุรกิจสื่อโฆษณายังขยายตัวได้ดี มีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 3.5% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาสื่อโฆษณาใหม่จากป้ายโฆษณาดิจิทัลที่อยู่นอกบ้าน สื่อโฆษณาภาพนิ่ง สื่อโฆษณาในสนามบินและในห้างสรรพสินค้า ในขณะที่ภาพรวมของสื่อนอกบ้านมีมูลค่า 3,688 ล้านบาท เติบโต 5.2% มากกว่าอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาโดยรวมที่มีมูลค่า 26,656 ล้านบาท เติบโต 0.3%
- อัตราการใช้สื่อโฆษณาอยู่ในระดับ 74.8% ลดลงจากระดับ 81.2% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเปิดให้บริการสื่อโฆษณาใหม่หลายโครงการ ซึ่งปกติจะใช้เวลา 3-6 เดือนในการพัฒนาให้ได้มาตรฐาน
- รายได้รวม 1,194.9 ล้านบาท ลดลง 0.5% มีปัจจัยมาจากรายได้ของธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (Engagement Marketing) ที่ปรับตัวลดลง 25.2% เนื่องจากธุรกิจ Music Marketing ลดลง แต่มีรายได้จากการให้บริการสื่อโฆษณา 960.6 ล้านบาท เติบโต 3.5%
- ค่าใช้จ่ายเพิ่ม 948.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3.2% สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการขาย และค่าใช้จ่ายการบริการที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจใหม่
- มีกำไรสุทธิ 185.7 ล้านบาท เติบโต 6.2%
อย่างไรก็ตาม แม้สภาวะเศรษฐกิจในปี 2563 ยังมีความไม่แน่นอน แต่ Plan B มั่นใจว่าด้วยเครือข่ายและบริการที่หลากหลายจะตอบโจทย์ต่อลูกค้า และช่วยให้บริษัทเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมสื่อโดยรวม
ไตรมาสที่ผ่านมาได้มีการลงทุนในมาสเตอร์ แอด หรือ MACO ซึ่งประกอบด้วยป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เครือข่ายสตรีทเฟอร์นิเจอร์ และจอโฆษณาดิจิทัลรวมกันมากกว่า 2,000 แห่ง โดย Plan B จะได้รับส่วนแบ่ง 15% ของยอดขาย เมื่อรวมกับเครือข่ายของ Plan B เอง จะทำให้กำลังการผลิตโฆษณาพร้อมให้บริการในปี 2563 เพิ่มกว่า 1,000 ล้านบาท
ส่วนความรวมมือกับซีพี ออลล์ ในสื่อมัลติมีเดียในร้าน 7-Eleven มีแผนติดตั้งใน 2,000 สาขาภายในปี 2564 ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตสื่อโฆษณา (Media Capacity) กว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
และสุดท้ายการลงนามในสัญญาการเป็นตัวแทนบริการสิทธิทางการตลาดสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียว 2020 จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 ของปี 2563
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า