ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงผันผวนและการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดร้านอาหาร แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง The Pizza Company กลับสวนกระแสด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทั้งที่ตลาดพิซซ่ามีมูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่ำกว่า 5%
ปัทม์ พงษ์วิทยาพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2024 The Pizza Company สามารถ ‘เบ่งกล้าม’ ท่ามกลางตลาดที่ซบเซา
ด้วยการเติบโตของยอดขายที่ 5% และจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นกว่า 10% ในขณะที่ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารหดตัวถึง -3% ถึง -5% สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ผ่านตัวเลข Same Store Sales Growth ที่เติบโต 1%
ความสำเร็จนี้มาจากการปรับกลยุทธ์รอบด้าน ทั้งการขยายฐานลูกค้าผ่านโปรแกรม Loyalty Program ที่ปัจจุบันมีสมาชิกถึง 2 ล้านคน ซึ่งมีอัตราการใช้บริการเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 2.5 ครั้งเป็น 3.5 ครั้งต่อปี โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบิลอยู่ที่ประมาณ 500-550 บาท
พร้อมด้วยบริการเดลิเวอรีที่การันตีส่งภายใน 20 นาที ด้วยความแม่นยำถึง 97% และระยะเวลาเฉลี่ยในการจัดส่งเพียง 17 นาที ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อผ่านช่องทางเดลิเวอรีพุ่งสูงถึง 50% ของรายได้รวม
แบรนด์ยังเดินหน้าปรับโฉมร้านให้ทันสมัย เพิ่มเมนูใหม่อย่างพาสต้าและสเต็ก รวมถึงเปิดตัว ‘พิซซ่า BiTE’ ราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ทั้งครอบครัวขนาดเล็ก คนโสด และผู้อยู่อาศัยในคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด ส่งผลให้ช่องทางการนั่งรับประทานในร้านเติบโตสูงสุดในปีที่ผ่านมา
สำหรับปี 2025 The Pizza Company เดินหน้าขยายสาขาอีก 20 แห่ง ด้วยงบลงทุน 200 ล้านบาท โดย 60% จะอยู่ในต่างจังหวัด และ 40% ในกรุงเทพฯ พร้อมทุ่มงบอีก 100 ล้านบาทสำหรับปรับปรุงสาขาเดิม ที่ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 430 สาขาทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด โดยล่าสุดเตรียมบุกแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดสุดท้าย
ด้านการตลาด แบรนด์อัดแคมเปญ ‘ซื้อ 1 แถม 1 พร้อมบวก’ ซึ่งเป็น Signature Campaign ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 20 เมษายน 2025 มอบสิทธิพิเศษทั้งฟรีค่าจัดส่งและคูปองส่วนลด 500 บาท
ตั้งเป้าผลักดันยอดขายให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 12% พร้อมเปิดตัวเมนูใหม่สำหรับช่องทางนั่งรับประทานในร้าน เช่น พาสต้ากับหมูคุโรบูตะ, สลัดหมูคุโรบูตะ และสปาเกตตีกุ้งทอดกรอบราดซอสสูตรพิเศษ
ที่น่าสนใจคือการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ผ่านการเปิดตัว ‘น้องหนานุ่ม’ มาสคอตใหม่ที่ออกแบบตามเทรนด์อาร์ตทอย สร้างความใกล้ชิดกับกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน
“ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มลูกค้าร้านอาหารที่เป็นนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่ดีมาก เนื่องจากมีเทศกาลตรุษจีนในเดือนมกราคม ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อสาขาที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ ภูเก็ต สมุย พัทยา และหาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าทั่วไปมีอัตราการใช้จ่ายที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในเดือนกุมภาพันธ์ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยในช่วงที่เหลือของปีจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป”
ส่วนเป้าหมายของ Loyalty Program ในปีนี้คือมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มอัตราการใช้บริการของสมาชิกเดิมให้มากขึ้น โดยหากสามารถเพิ่มความถี่ในการใช้บริการจาก 3.3 ครั้งเป็น 4.3 ครั้งต่อปี จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการหาสมาชิกใหม่ที่อาจไม่ได้เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท
สำหรับความท้าทายในปี 2025 ยังมีทั้งเรื่องกำลังซื้อผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงโดยเฉพาะโกโก้ที่ราคาเพิ่มขึ้นกว่า 200% ทำให้ต้องบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้ต้องปรับขึ้นราคา และการแข่งขันที่เข้มข้นจากผู้เล่นต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนที่ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
แต่ด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปีในตลาด The Pizza Company ยังคงมุ่งมั่นรักษาตำแหน่ง ‘เจ้าตลาดพิซซ่า’ ด้วยการให้บริการ รสชาติที่ถูกปากคนไทย และการเข้าถึงลูกค้าในทุกพื้นที่
