×

ปิยบุตรเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ เผย ส.ส.-รัฐบาล ผลักดันได้ทันที เป็นการฟังเสียงนักศึกษา

โดย THE STANDARD TEAM
30.07.2020
  • LOADING...

วันนี้ (30 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า เรื่องข้อเรียกร้องของนิสิตนักศึกษาที่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นสามารถทำได้ อย่างน้อยเป็นการแสดงออกว่าสถาบันทางการเมืองตอบข้อสนองกับการชุมนุม และหากมีการเสนอญัตติ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเข้าที่ประชุมรัฐสภา ก็คิดว่าเป็นไปได้ที่จะพิจารณาได้ทันสมัยประชุมนี้ โดยตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมนั้นมีเรื่องยกเลิกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เรื่องทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งทั้งหลายกรณีนี้สามารถทำพร้อมๆ กันได้ โดยอาจแยกเป็น 3 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกมาตรา 279 ซึ่งเป็นมาตราสุดท้ายของรัฐธรรมนูญที่ให้ความคุ้มครอง รับรองความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบรรดาประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งหมด หากยกเลิกไป หมายความว่าบุคคลทั้งหลายอาจโต้แย้งได้ว่าประกาศคำสั่งทั้งหลายนั้นก็อาจจะขัดรัฐธรรมนูญได้

 

ปิยบุตรกล่าวอีกว่า ฉบับที่ 2 ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิก 4 มาตรา คือ 269-272 ที่ว่าด้วยเรื่อง ส.ว. ตามบทเฉพาะกาล โดย ส.ว. 250 คน ถ้ายกเลิกไปก็หมายความว่าทั้งหมดนี้จะพ้นจากตำแหน่ง และกลับไปใช้วุฒิสภาตามระบบปกติของรัฐธรรมนูญที่มาจากสรรหาตามกลุ่มอาชีพ ซึ่งอำนาจของ ส.ว. ตามบทเฉพาะกาลก็จะหมดไปด้วย กรณี 5 ปี ให้ ส.ว. ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงร่วมออกแบบกฎหมายปฏิรูปต่างๆ อำนาจนี้จะสิ้นสุดลงทันที และฉบับที่ 3 ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อปรับวิธีการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ให้ง่ายขึ้นคือ ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา พร้อมกันนั้นก็เพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั่นคือ กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แล้วให้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

 

“ร่างทั้ง 3 ฉบับ สามารถเสนอได้ในสมัยประชุมนี้ โดยเฉพาะ 2 กรณีแรก ที่ไม่ต้องไปออกเสียงประชามติ เพราะเป็นการแก้ไขในหมวดว่าด้วยบทเฉพาะกาล ส่วนกรณีสุดท้ายที่แก้วิธีการแก้และแก้ให้มี สสร. นั้น ต้องออกเสียงประชามติ โดย 2 เรื่องแรกให้ทำก่อน เพราะระหว่างเลือก สสร. อาจใช้เวลานาน แต่อย่างน้อย 2 ฉบับแรกถ้าผ่าน หมายความว่า ส.ว. ได้หายไปแล้ว บทบัญญัติคุ้มครองรัฐประหารได้หายไปแล้ว การเมืองกลับสู่ระบอบปกติ ซึ่งผมคิดว่าวิธีการแบบนี้จะเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าสถาบันทางการเมืองในระบบทั้งหลายนั้นได้แสดงความรับผิดชอบต่อข้อเรียกร้องนิสิตนักศึกษาที่ชุมนุมกันอยู่ทั่วประเทศ” ปิยบุตรกล่าว

 

ปิยบุตรกล่าวอีกว่า ทุกท่านทราบดีว่าการออกเสียงประชามติที่ผ่านมามีปัญหา ฝ่ายรณรงค์ไม่รับไม่มีโอกาสได้รณรงค์เต็มที่ หลายคนก็ถูกดำเนินคดี แต่หากยอมรับว่าผ่านประชามติแล้ว ในบทบัญญัติว่าด้วยการแก้รัฐธรรมนูญทั้งหมดก็อยู่ในรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ เรากำลังใช้วิธีการแก้ตามที่รัฐธรรมนูญซึ่งผ่านประชามติบอก ซึ่งใน 2 ฉบับแรกไม่ต้องทำประชามติ ตัวรัฐธรรมนูญ 2560 บอกไว้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญที่ต้องไปจบที่การทำประชามติ เฉพาะเรื่องศาล เรื่องของหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 และเรื่ององค์กรอิสระ รวมถึงเรื่องวิธีการแก้ แต่ในส่วนบทเฉพาะกาลไม่ได้เขียนไว้ ดังนั้นเรื่องนี้ทำได้ทันทีและไม่น่าจะมีข้ออ้างใดๆ หลงเหลือ หากอ้างว่าคณะรัฐประหารจำเป็นต้องคุ้มกันกันอยู่ ก็มองว่าไม่จำเป็นแล้ว คุณเข้าสู่ระบบปกติแล้ว หรือหากจะอ้างว่าจำเป็นต้องใช้ ส.ว. 250 คนต่อไป ก็เห็นชัดเจนว่าท่านได้เลือก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และตอนนี้เสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรก็ทิ้งขาดไปแล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีอยู่ของ ส.ว. 250 คน ซึ่งถ้าท่านใดอยากเป็นต่อ ก็ไปลงสมัครในระบบปกติ ในกลุ่มความหลากหลายวิชาชีพได้ ทั้งนี้ การคงไว้ของ ส.ว. 250 เหมือนเป็นหนามที่ทิ่มแทงรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นหนามที่ทิ่มแทงรัฐบาลเองด้วยซ้ำว่าคุณได้มาเพราะมี ส.ว. 250 คนคอยประคับประคอง

 

“เรามักบอกว่า นักการเมืองแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ตัวเอง ครั้งนี้หาก ส.ว. ขวางไม่ให้มีการแก้ ก็ชัดเจนว่าเพื่อประโยชน์ตัว ส.ว. เอง สมมติร่างแก้ไขเข้าสู่การประชุมร่วมในการอภิปราย ส.ส. อภิปรายสนับสนุนให้มีการยกเลิก ส.ว. ขณะที่ ส.ว. อภิปรายสนับสนุนตัวเองให้อยู่ต่อ ลองคิดว่าภาพที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ขณะที่เสียงพี่น้องประชาชนผู้ชุมนุมทั่วประเทศอยากให้ ส.ว. พ้นไป ดังนั้น ส.ว. ต้องพึงพิจารณาเรื่องนี้ ผมเข้าใจดีว่าหลายท่านมีความรู้ความสามารถ แต่ก็มีวิธีอื่นคือไปสมัครตามระบบปกติ ดังนั้นอยากให้ ส.ส. มาช่วยกัน ผมยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว เอาไปใช้ได้เลย เอาไปผลักดันได้เลย ยังมีเวลา 2 เดือนในสมัยประชุมนี้ เราสามารถพูดคุยกันเรื่องนี้ได้ ส.ส. ควรทำหน้าที่นี้ หรือถ้ารัฐบาลทำก็ยิ่งดี ยิ่งเข้าสู่การพิจารณาเร็วขึ้น” ปิยบุตรกล่าว

 

ปิยบุตรกล่าวทิ้งท้ายว่า การชุมนุมใดๆ ก็ตามเกิดขึ้นก็เพราะว่าสถาบันการเมืองในระบบไม่ตอบสนองข้อเรียกร้อง และคล้ายๆ ว่าเขาประเมินว่าสถาบันทางการเมืองในรัฐธรรมนูญนี้ถึงทางตันแล้ว เลยออกมาเรียกร้อง ถ้าหากเราอยากดับไฟนี้ไม่ให้บานปลาย จำเป็นต้องมีการกระทำอะไรบางอย่างที่ตอบสนองข้อเรียกร้องบ้าง เพราะถ้านิ่งเฉยไม่ทำเลย หรือตั้งกรรมาธิการยื้อเวลาไปเรื่อยๆ จะทำให้ข้างนอกยิ่งเดือด ตนเห็นว่าวิธีการที่จะให้การชุมนุมบรรเทาเบาลง ไม่ใช่มาบอกว่าใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่มาบอกว่าให้ใครสั่งให้หยุดชุมนุม แต่วิธีการคือการแก้รัฐธรรมนูญ ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าอย่างน้อยรัฐบาล รัฐสภา ได้ขับเคลื่อนเรื่องนี้ ส่วนที่มีคนบอกว่าให้ยุบสภาฯ ก่อนแก้รัฐธรรมนูญนั้น ตนเห็นว่าสองเรื่องแรกเราทำได้เลย และถ้าทำเสร็จในเดือนกันยายน คือในสมัยประชุมนี้ การยุบสภาฯ ก็เกิดขึ้นได้เลย เพราะที่ผ่านมาหลายคนกังวลไม่อยากให้ยุบ เพราะยังมี ส.ว. 250 คนอยู่ แต่ถ้าเอาออกไปก่อน เงื่อนไขในการยุบสภาฯ ก็เปิดกว้างมากขึ้น

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising