×

พิธา ลงพื้นที่เชียงใหม่ เก็บข้อมูลที่อยู่อาศัย ระบุที่ดินอยู่ในมือรัฐ-คนรวยมากเกินไป

โดย THE STANDARD TEAM
10.12.2022
  • LOADING...

วันนี้ (10 ธันวาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ชุมชนสามัคคีพัฒนา บริเวณหลังวัดโลกโมฬี ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นชุมชนแออัดของผู้มีรายได้น้อย โดยชุมชนดังกล่าวมีแนวโน้มจะรื้อถอนและย้ายชาวบ้านออกจากพื้นที่ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์

 

พิธาเปิดเผยว่า ลงพื้นที่วันนี้รู้สึกย้อนแย้ง เพราะเดิมจะมาร่วมงาน Chiang Mai Design Week พูดคุยเรื่อง Soft Power ความคิดสร้างสรรค์ แต่ในขณะเดียวกันพื้นที่ที่จัดงานมีการดึงดูดนักท่องเที่ยว ยกให้เป็นเมืองน่าอยู่ เมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม แต่ประชาชนยังมีปัญหาเรื่องปากท้อง ที่อยู่อาศัย หรือที่เรียกว่าคนจนเมือง ซึ่งพบได้ในทุกจังหวัด แต่ประชาชนกลุ่มนี้ในจังหวัดเชียงใหม่กลับเป็นคนที่ถูกหลงลืมจากเมืองที่มีการพัฒนา ลักษณะคล้ายๆ กันกับปทุมธานี ที่มีบ้านอยู่บนคลองเหมือนเชียงใหม่ มีการแย่งการใช้ที่ดิน สภาพที่เห็นในวันนี้มีอยู่ทั่วประเทศจนชินตา ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรมีภาพอย่างนี้อยู่ในประเทศไทย 

 

ทั้งนี้ บริเวณพื้นที่คลองแม่ข่าจะได้รับการพัฒนาปรับภูมิทัศน์ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการย้ายถิ่นฐานและค่าชดเชย ซึ่งในหลักการการดูแลคนจนเมืองนั้น ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด แต่การดูแลของภาครัฐนั้น อย่างน้อยประชาชนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม อีกทั้งการโยกย้ายที่อยู่ควรพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการเรียนหนังสือ เพราะหากย้ายไปยังที่ดินที่รัฐมีอยู่ แต่ไกลจากที่อยู่เดิมคงไม่ได้ เพราะประชาชนมีที่ทำงานหรือเรียนหนังสือตามที่อยู่เดิมมานานหลายสิบปี 

 

สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยในระยะสั้น การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการ เพราะต้องการให้แน่ใจว่ากระบวนการแก้ไขเป็นไปตามที่ได้รับรายงานในสภา ซึ่งหากไม่ลงพื้นที่จะมีเพียงรายงานว่าไม่พบปัญหา มีการดูแลอย่างเต็มที่ ดังนั้นการลงพื้นที่ทำให้ทราบข้อเท็จจริง ได้รับฟังปัญหาและข้อมูลหลากหลายด้านจากชาวบ้าน ว่าเหมือนเช่นที่ได้รับรายงานหรือไม่

 

พิธากล่าวต่อไปว่า การแก้ไขปัญหาระยะยาวจะต้องผลักดันเรื่องรัฐสวัสดิการ การปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อให้คนในพื้นที่ดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ที่ผ่านมามีข่าวสลัม 4 ภาค สมัชชาคนจน ยื่นหนังสือไปยังกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ผู้ที่มารับเรื่องก็จะเป็นข้าราชการจากส่วนกลาง ซึ่งเมื่อถึงวาระก็จะโยกย้าย มีเพียงการรายงานปลัดกระทรวง แต่ประชาชนไม่ได้รับข้อมูล และหน่วยงานในพื้นที่ก็ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่หากปลดล็อกท้องถิ่นให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หรือมีการเลือกตั้งในท้องถิ่น ก็จะมีผู้รับผิดชอบสามารถดำเนินการได้โดยคนในพื้นที่ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เมื่อครบวาระ 4 ปีประชาชนก็สามารถเลือกใหม่ได้

 

การดำเนินการหลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ เข้าหารือที่สภา ให้ข้าราชการที่รับผิดชอบทราบว่ามีผู้แทนรู้ปัญหาหรือข้อมูลต่างๆ แล้ว และจะใช้กลไกของกรรมาธิการ ซึ่งพรรคก้าวไกลอยู่ในกรรมาธิการคณะหลายคณะ อาทิ กรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อขับเคลื่อน 3 เรื่อง ได้แก่

 

  1. การมีส่วนร่วมของประชาชน
  2. มีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการ
  3. มีการชดเชยที่เหมาะสม 

 

รวมทั้งจะมีการผลักดัน 3 เรื่อง คือ 1. การปลดล็อกที่ดิน 2. รัฐสวัสดิการ 3. การกระจายอำนาจ ควบคู่ไปด้วย

 

“โดยทั่วไปแล้วรัฐจะถือครองที่ดินประมาณร้อยละ 30 ของที่ดินทั้งประเทศ แต่ในประเทศไทยพบว่ารัฐบาลถือครองที่ดินมากเกินไป เพราะที่ดินของประเทศกว่า 320 ล้านไร่ พบว่ารัฐบาลถือครองที่ดินมากกว่าร้อยละ 60 ของที่ดินทั้งหมด โดยเป็นที่ดินที่ทหารถือครองกว่า 8 ล้านไร่ อีกทั้งยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มคนรวยอีกกว่า 6 แสนไร่ ซึ่งจริงๆ แล้วที่ดินของประเทศไทยจำนวน 320 ล้านไร่ หากเอามาแบ่งเฉลี่ยแล้วมีเพียงพอต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างแน่นอน” พิธากล่าวในที่สุด

 

 

เรื่องและภาพ: พงศ์มนัส ทาศิริ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising