วันนี้ (7 กรกฎาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมโหวตนายกรัฐมนตรีว่า เราได้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ต้นว่าเรามีทิศทางอย่างไร และทำให้รู้แนวทางชัดเจนตั้งแต่การโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง 8 พรรคร่วมเรามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าจะทำรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้สำเร็จ เสียงของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดจะไปตามทิศทางที่คุยกันไว้ตั้งแต่ต้น
ภูมิธรรมกล่าวว่า จะมีการจัดสัมมนา ส.ส. ก่อนวันโหวตเลือกนายกฯ 2-3 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 10-12 กรกฎาคม ในที่ทำการพรรคหรือพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งทั้งหมดเป็นการเตรียมการทำงานให้กับ ส.ส. ที่จะเข้าไปทำงานในสภา และเตรียมเรื่องการประสานงานทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการทำความเข้าใจในทิศทางที่จะเดินไปร่วมกันข้างหน้า รวมถึงการแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยเคยมี เพื่อเดินไปข้างหน้าให้ได้
ส่วน 8 พรรคร่วมจะต้องมีการพูดคุยก่อนวันลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ภูมิธรรมระบุว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่เราจะต้องมีเวลาประเมินสถานการณ์ร่วมกันก่อนวันโหวต โดยได้ประสานไปยังเลขาธิการพรรคก้าวไกลแล้วอาจจะมีการหารือถ้ามีเรื่องน่ากังวล แต่ส่วนตัวมองว่าถ้าได้พูดคุยกันก็คงจะดี เผื่อจะได้เห็นปัญหา และจะได้ไปทำความเข้าใจกับ ส.ส. ในพรรคของตัวเอง
ส่วนการแถลงข่าวที่โรงแรมแลงคาสเตอร์เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในบันทึกข้อตกลงร่วมกันมีอยู่ 1 ข้อที่จำเป็นจะต้องมีการช่วยสนับสนุนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เต็มความสามารถในการเป็นนายกฯ จะต้องไปถึงจุดไหน ภูมิธรรมกล่าวว่า สิ่งสำคัญจริงๆ คือเรื่องของเจตนารมณ์ เรากำลังแสดงเจตนารมณ์กับแนวคิดความมุ่งมั่นของเราว่าเราจะจับมือกันอย่างมั่นคง และ 8 พรรคร่วมก็จะแสดงความมั่นใจให้กับประชาชนทราบว่า เราจะร่วมมือกันที่จะผลักดันให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และผลักดันให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการลงมติหากการโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งต่อไปควรจะเป็นบุคคลเดิมหรือไม่นั้น ภูมิธรรมระบุว่า วันนี้เราชัดเจนคือร่วมมือกันผลักดันให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่อยากคิดคำว่า ‘ถ้า’ เพราะคิดว่าเราก็มั่นใจและพิธาก็แสดงความมั่นใจว่าได้มีการพูดคุยกับ ส.ว. หลายๆ คนแล้ว ก็ยังเชื่อมั่นว่า ส.ว. จะเข้าใจ ส่วนปัญหาบางอย่างที่อาจจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้พูดคุยกันไปหมดแล้ว ขณะนี้พรรคเพื่อไทยจึงไม่มีความคลางแคลงใจ พร้อมผลักดันเต็มที่
ส่วนแนวโน้มว่าจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ภูมิธรรมกล่าวว่า สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทยได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่พร้อมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะอยากให้เสียงของประชาชนสามารถเดินหน้าไปได้ อย่างการลงมติเลือกรองประธานสภาคนที่ 1 ก็มี ส.ส. ที่ไม่ลงมติสนับสนุนให้รองประธานสภาที่มาจากพรรคก้าวไกล ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าคิดอย่างไร
ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่พรรคก้าวไกลว่าจะตัดสินใจและเลือกแบบไหน ซึ่งมีทางเลือกอยู่หลายทาง เพราะยังมีหนทางที่จะเดินไปสู่เป้าหมาย ทั้งเรื่องเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. 64 เสียง หรือขอให้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมสนับสนุนให้ 8 พรรคร่วมโดยไม่ต้องเข้ามาร่วมในคณะรัฐมนตรีด้วยก็ได้ ซึ่งอยู่ที่พรรคก้าวไกลตัดสินใจ และร่วมหารือกันใน 8 พรรค
ภูมิธรรมระบุว่า พรรคเพื่อไทยก็อาจจะช่วยพูดคุยกับ ส.ว. บางคนที่รู้จัก และอาจจะมีที่แนะนำให้พรรคก้าวไกลไปพูดคุยทำความเข้าใจด้วยตัวเอง แต่ภารกิจหลักต้องเป็นพรรคแกนนำ เชื่อว่าส่วนใหญ่หวังดีกับประเทศชาติ เพียงแต่อาจมีแนวคิดทางการเมืองบางเรื่องแตกต่างกัน แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจกันได้
ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ภูมิธรรมระบุว่า ขอไม่ก้าวล่วงและคิดแทนพรรคก้าวไกล แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เรื่องใดก็ตามที่ยังมีความแตกต่างกันและยังมีปัญหา ควรจะมาหารือกันบนพื้นฐานการเปลี่ยนผ่าน และไม่ว่าประเด็นใดก็ตามที่มีความเห็นแตกต่างกันก็ควรจะหลีกเลี่ยง รวมถึงความเห็นที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งอาจจะเกิดความรุนแรงในอนาคต
สิ่งที่ดีที่สุดคือการเปิดเวทีให้ได้ร่วมพูดคุยกัน และหากจำเป็นที่ต้องให้กระบวนการสภาเข้ามาแก้ไข เพื่อหาช่องทางให้ทุกฝ่ายยอมรับได้