เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ภายใต้การนำ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เลือก ‘ศรีสะเกษ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ทางการเมืองที่สำคัญ ทั้งการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติของพรรคภูมิใจไทย จัดงานสำคัญ และพบประชาชนอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจบศึกเลือกตั้ง อบจ. ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การเดินทางมาครั้งนี้ มีนัย และวาระทางการเมืองถูกซ่อนเร้นอยู่
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
กล่าวปาฐกถาในงาน E-SAN Life Drive ขับเคลื่อนอีสานสู่อนาคต 8 จังหวัด 8 วิสัยทัศน์
อนุทินได้ขนข้าราชการประจำกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่ปลัดกระทรวง อธิบดีกรมต่างๆ รวมถึงข้าราชการทุกระดับ ร่วมงาน ‘E-SAN Life Drive : ขับเคลื่อนอีสาน สู่อนาคต’ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนพูดคุยกันระหว่าง ฝ่ายประชาชน ฝ่ายราชการ และฝ่ายการเมือง ในการหาแนวทางการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ รวมถึงแผนงานการของบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานใต้ คือ นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ยโสธร และชัยภูมิ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวล้วนมีพรรคภูมิใจไทย เป็นเจ้าของพื้นที่
อนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอีสานตอนล่าง โดยเฉพาะ 8 จังหวัด คือ ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ตามกรอบแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. 2566 – 2570 นั้น ให้ทิศทางไว้ว่า จะต้องพัฒนาสู่การเป็น ‘ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง’ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาใน 3 มิติ ซึ่งเขาใช้คำว่า Green, Gate และ Growth
Green: ฐานการผลิตสินค้าภาคเกษตร และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการเกษตรปลอดภัยเป็นเกษตรอินทรีย์ ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG หรือ Bio-Circular-Green Economy
Gate: เป็นศูนย์กลางเป็นประตู เชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน เพราะทุกประเทศจะต้องผ่านประเทศไทย โดยมีไทยในการเป็นจุดเชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดน พัฒนาการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การขนส่ง และระบบคมนาคม
Growth: การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนโดยใช้องค์ความรู้เทคโนโลยีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งพัฒนาการแพทย์การศึกษาเศรษฐกิจ ซึ่งเราถือว่าจะทำให้ภาคอีสานไปสู่จากที่มั่นคงที่จะมีการศึกษาที่ทันสมัยใช้เทคโนโลยีที่ทันโลกเยาวชนได้รับการศึกษาในบ้านเกิดในภูมิลำเนาของตนเอง และยกระดับคุณภาพชีวิตของตนทุกช่วงวัย
จากซ้าย: ไตรศุลี ไตรสรนกุล, อนุทิน ชาญวีรกูล,
พลพีร์ สุวรรณฉวี สส. นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย
อนุทินกล่าวย้ำ ตนเองนั้น เห็นถึงความสำคัญ และเข้าใจกลไกตลาด จึงเป็นเหตุผลให้มีการกำหนดรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูแลด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ และสุดท้ายอย่าลืมต้นทุนทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างภาคบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องคิดว่าเป็นการขายประสบการณ์ หาไอเดียว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสิ่งที่มีอยู่ได้อย่างไร
แม้อนุทินจะปฏิเสธขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การจัดงานครั้งนี้ไม่ได้หวังเพื่อปักหมุด 8 จังหวัดอีสานใต้ในการเลือกตั้งปี 2570 แต่เป็นการทำงานเพื่อประชาชน เพื่อเพิ่มโอกาสและทำความเข้าใจ ทั้งฝ่ายราชการและประชาชน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สินค้าการเกษตรและอุตสาหกรรมเท่านั้น
แต่ภายในงานนั้น หากสำรวจผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ ล้วนบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับคนการเมืองในจังหวัดทั้งสิ้น โดยภายในงานนั้น ก็ตัวแทนแต่ละจังหวัดมาร่วมการแสดงวิสัยทัศน์ และนำเสนอโครงการต่างๆ เพื่อของบประมาณมูลค่าหลายพันล้านบาท ในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดของตนเอง
อย่างจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะเจ้าบ้าน ก็ได้มีการนำเสนอ และการของบประมาณสำหรับการพัฒนาให้ศรีสะเกษ เป็นเมืองด้านดนตรี กีฬา ศิลปวัฒนธรรมสู่อนาคต เช่น เสนอจัดงานเทศกาลดนตรี และภาพยนตร์ SISAKET MUSIC & FILM FESTIVAL งบประมาณ 2 ล้านบาท, โครงการยกระดับงานเทศกาลทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ งบประมาณ 3,831,300 บาท
นอกจากนี้ยังโครงการแข่งขันวอลเลย์บอลเนชันส์ลีก 10 ล้านบาท, โครงการ 1 อำเภอ 1 เทศกาลสร้างสรรค์ (22 อำเภอ) งบประมาณ 17.9 ล้านบาท, โครงการปรับปรุงสนามศูนย์นครลำดวน งบประมาณ 20 ล้านบาท, ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ งบประมาณ 100 ล้านบาท, โครงการโรงยิมเนเซียมปรับอากาศ ขนาด 5,000 ที่นั่ง งบประมาณ 325 ล้านบาท เป็นต้น
สไลด์การนำเสนอจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล
ในการพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองดนตรี กีฬา ศิลปวัฒนธรรม สร้างสรรค์สู่อนาคต
สิ่งที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า การจะพัฒนาพื้นที่ใดสักแห่ง ‘งบประมาณ’ คือสิ่งจำเป็น และสำคัญที่สุด ที่ผ่านมาจังหวัดใดก็ตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณถึงมือคนในพื้นที่มาก จังหวัดนั้นๆ ก็มีการพัฒนา มีความเจริญมากขึ้น ประชาชนอยู่ดีมีสุข ใครคือผู้ผลักดัน ผู้นั้นจะได้ผลพลอยได้ถูกนับเป็นผลงานของตนเองไปด้วย
หากเป็น สส. เขต ไม่ว่าเลือกตั้งกี่ครั้ง ก็จะคว้าชัยชนะเกือบทุกครั้ง ซึ่งอาจสอดคล้องกับแนวทางการทำงานของพรรคภูมิใจไทยที่เน้น สส.เขต มากกว่า สส. บัญชีรายชื่อ ซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ได้มากถึง 68 คน (ปัจจุบันเหลือ 66 คน )
โดยเฉพาะในพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานใต้ ที่พรรคภูมิใจไทย มี สส.เขตทุกจังหวัด ซึ่งจะมีมากมีน้อยแล้วแต่จังหวัด รวมแล้วมี 26 คน นับเป็น 1 ใน 3 ที่มีทั้งหมด
- นครราชสีมา 1 คน: พลพีร์ สุวรรณฉวี เขต 9
- บุรีรัมย์ 10 คน ยกจังหวัด: สนอง เทพอักษรณรงค์ เขต 1, ไชยชนก ชิดชอบเขต 2, อดิพงษ์ ฐิติพิทยา เขต 3, รังสิกร ทิมาตฤกะ เขต 4, โสภณ ซารัมย์ เขต 5 ,ศักดิ์ ซารัมย์ เขต 6, พรชัย ศรีสุริยันโยธิน เขต 7, ไตรเทพ งามกมล เขต 8,รุ่งโรจน์ ทองศรี เขต 9, จักรกฤษณ์ ทองศรี เขต 10
- สุรินทร์ มี 5 คน : ปกรณ์ มุ่งเจริญพร เขต 1, ผกามาศ เจริญพันธ์ เขต 3, ล้ำเลิศ พัวพัฒนโชติ เขต 6, เรืองวิทย์ คูณวัฒนาพงษ์ เขต 7, ปทิดา ตันติรัตนานนท์ เขต 8
- ศรีสะเกษ 2 คน: ธนา กิจไพบูลย์ชัย เขต 3, อาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ เขต 8
- อุบลราชธานี 3 คน: สุทธิชัย จรูญเนตร เขต 5, แนน บุณย์ธิดา สมชัย เขต 8,ตวงทิพย์ จินตะเวช เขต 11
- อำนาจเจริญ 2 คน: สุขสมรวย วันทนียกุล เขต 1, ญาณีนาถ เข็มนาค เขต 2
- ชัยภูมิ 2 คน: สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ เขต 3, เชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ เขต 6
- ยโสธร 1 คน: ธนพัฒน์ ศรีชนะ เขต 3
ดังนั้นแม้หัวหน้าพรรคจะปฏิเสธด้วยเสียงหนักแน่นแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทั้ง 8 พื้นที่นี้ คือฐานเสียงสำคัญของพรรคภูมิใจไทย หากพัฒนาพื้นที่ต่างๆเหล่านี้ได้สำเร็จ ผู้ที่จะได้คะแนนเสียงจากประชาชนก็คือ ผู้แทนของพรรคภูมิใจไทย
มท.1 พื้นที่ลงพื้นที่ไร่สร้างฝัน
พร้อมด้วย ธนา กิจไพบูลย์ชัย สส. เขต 3 ศรีสะเกษ
คนการเมือง และข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย
จากนั้นอนุทินลงพื้นที่ที่ไร่สร้างฝัน อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อพบปะเกษตรกรชาวสวนทุเรียน และขอบคุณประชาชนที่เลือก สส.ของพรรคภูมิใจไทย คือ ธนา กิจไพบูลย์ชัย สส. เขต 3 ประกอบด้วยอำเภอศรีรัตนะ อำเภอเบญจลักษ์ อำเภอโนนคูณ (ยกเว้นตำบลบกและตำบลโพธิ์) และอำเภอกันทรลักษ์ (เฉพาะตำบลจานใหญ่ ตำบลตระกาจ ตำบลภูเงิน และตำบลกระแชง)
อนุทินเน้นย้ำว่า ตนเองความสำคัญกับประชาชนในอำเภอศรีรัตนะ หากพื้นที่ใดยังไม่ไฟฟ้า เขาได้ใช้อำนาจ มท.1 สั่งการกลางวงสนทนาว่า ให้มีการขยายเขตไฟฟ้าโดยเร็ว และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนปีนี้ ที่สำคัญที่สุดต้องสนองนโยบาย “สั่งวันนี้ต้องเสร็จเมื่อวาน”
อนุทินยังเน้นย้ำอีกว่า ไร่สร้างฝัน ในอำเภอศรีรัตนะแห่งนี้ มีสวนทุเรียนหมอนทองพันธุ์ที่ขายดีและอร่อยที่สุด เมื่อที่ตนเองครั้งร่วมภารกิจนายกรัฐมนตรีเดินทางไปที่ประเทศจีน เคยได้รับการยืนยันจากปาก ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน เขา ‘ชื่นชมและชื่นชอบ’ ทุเรียนหมอนทองของประเทศไทย และอยากให้ประเทศไทยผลิตทุเรียนหมอนทองที่มีคุณภาพและส่งขายประเทศจีนจำนวนมากๆ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะสร้างรายได้เพิ่มมากให้ประชาชนมากขึ้น
ไตรศุลี ไตรสรณกุล และอนุทิน ชาญวีรกูล
ขึ้นเวทีใหญ่พบปะประชาชนหลายร้อยชีวิต
ที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
จากนั้นในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ‘อนุทิน’ ได้เดินทางไปที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขึ้นเวทีใหญ่ ที่มี ‘ไตรศุลี ไตรสรณกุล’ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, วิชิต ไตรสรณกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ยืนประกบข้าง
พร้อมทั้ง อาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ, ธนา กิจไพบูลย์ชัย 2 สส. ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย, สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ อดีต 2 ผู้สมัคร สส. ศรีสะเกษ และบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน ต่อประชาชนที่ใส่เสื้อเหลืองหลายร้อยชีวิตรอต้อนรับว่า การเดินทางมาจังหวัดศรีสะเกษครั้งนี้ เขาตั้งใจเดินทางมาเพื่อขอบคุณชาวศรีสะเกษที่ให้โอกาสที่เลือก ‘วิชิต’ เป็นนายกฯ อบจ. ศรีสะเกษ สมัยที่ 7
“วันนี้ผมตั้งใจมาจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจ ในการแสดงน้ำใจสนับสนุน คนรุ่นใหม่ของจังหวัดศรีสะเกษให้ไปเป็นผู้แทนราษฎร และขอบคุณในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของไตรศุลี ซึ่งในช่วงที่มีการเลือกตั้งนายก อบจ. แม้ผมไม่สามารถเดินทางมาได้ แต่ในที่สุดชาวศรีสะเกษก็ให้ความไว้วางใจ วิชิต ไตรสรณกุล ให้เป็นนายกอบจ. อีกสมัยเป็นสมัยที่ 7 ซึ่งนำความภาคภูมิใจแก่พวกเรา”
สำหรับ วิชิตหรือที่รู้จักกันในนาม ‘นายกฯ ส้มเกลี้ยง’ นั้น อนุทินเปรียบเขาเสมือนพี่ชายที่คลานตามกันมา รู้จักกันมากว่า 20 ปีแล้ว มีความเชื่อมั่นในตัวท่านเป็นอย่างมาก และท่านได้ให้คำแนะนำต่างๆ ตั้งแต่สมัยที่เริ่มทำพรรคภูมิใจไทย
วิชิตเปรียบเสมือนเป็นพี่เลี้ยง และเคยก็บอกว่าวันหนึ่งเมื่อลูกสาวโต (ไตรศุลี) ขึ้นมาแล้วจบการศึกษาแล้วจะให้เอามาทำงานใกล้ชิดกับตนเอง ซึ่งไตรศุลีทำงานร่วมกับตนเองเข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว เริ่มมาจากเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นที่รักของทุกคน และปัจจุบันไตรศุลี เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
อนุทินบอกกับชาวศรีสะเกษอีกว่า การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งครั้งที่หนักที่สุดของวิชิต แต่ก็ได้รับความไว้วางใจเลือก เป็นนายก อบจ. ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงมากที่สุด แต่การแข่งขัน การแพ้หรือการชนะ ถือเป็นเรื่องปกติ ตนเองเจอมาหมดแล้ว แต่ตนเองเชื่อมั่นในชาวศรีสะเกษ และชาวศรีสะเกษก็ทำให้เราชนะ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นบุญคุณที่ต้องตอบแทนจนสุดฤทธิ์
คนการเมืองทั้งหมด
จากซ้าย 1. ธนา กิจไพบูลย์ชัย สส. ศรีสะเกษ
2. สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
3. วิชิต ไตรสรณกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ,
4. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (กลาง)
5. ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย,
6. บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย
7. จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ อดีต สส. ศรีสะเกษ
8. อาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ สส. ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย
ในจังหวัดศรีสะเกษนั้น อนุทินมองว่า ทุกคนโยงใยเป็นที่ครอบครัวเดียวกันทั้งหมด
“(ถ้า) เลือกทุกคน (ที่ยืนบนเวที) ก็ได้ไอ้หนู และจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ให้ชาวศรีสะเกษเชื่อมั่นและไว้ใจให้พวกเราได้ไปทำงานรับใช้ในรัฐสภา ในรัฐบาล รับรองว่าจะให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างสุดกำลังความสามารถ เพื่อที่จะให้คนศรีสะเกษมีผู้แทนจากคนทุกรุ่นให้กับพวกเรา”
“ชาวศรีสะเกษ หากจะตายต้องอิ่มตาย ไม่ใช่อดตาย ศรีสะเกษไม่ใช่จังหวัดที่เป็นรองจังหวัดอื่น ผมโชคดีมากเป็นหัวหน้าพรรคที่ได้สัมผัสกับคนทุกระดับ ทั้งคนยอดฝีมือ ทั้งพวกเหยียบหิมะไม่มีรอย วันนี้มาเจอทายาทที่ไม่ใช่ทายาทอสูร แต่เป็นทายาทมังกร จะลูกเสือ หรือลูกมังกร สุดท้ายก็เป็นเสือเป็นมังกรจะเป็นหมาเป็นแมวไม่ได้ นี่คือความโชคดี และวันนี้ผมไม่กังวล มีมือไม้อยู่เต็มจังหวัด ตั้งแต่ สส. และนายก อบจ.” อนุทินกล่าวทิ้งท้าย
มท.1 ร่วมถ่ายภาพกับประชาชน ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย นักการเมือง
ที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
รู้จัก ‘กลุ่มฅนท้องถิ่น’ ศูนย์รวมบ้านใหญ่แผ่นดินสีน้ำเงิน
จากการสืบค้นนั้น จะพบว่า ‘ตระกูลไตรสรณกุล’ เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมือง มี ‘ฮวด ไตรสรณกุล’ นักธุรกิจด้านการเกษตรในอำเภอกันทรลักษ์ เข้ามาเล่นการเมืองเป็นคนแรกของตระกูล
‘ฮวด’ เป็นอดีต สจ.ศรีสะเกษ ในปี 2518 ต่อมากติดปัญหาข้อจำกัดด้านคุณสมบัติ รัฐธรรมนูญปี 2522 เขาจึงส่งต่อภารกิจทางการเมืองให้ลูกๆ รับไม้ต่อ ไม่ว่าจะเป็น ‘วีระ ไตรสรณกุล’ ลูกชายคนโต รวมถึง ‘ธีระ ไตรสรณกุล’ ลูกชายคนที่ 2 อดีต สส.ศรีสะเกษ 3 สมัย สังกัดพรรคเพื่อไทย ต่อมาได้ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย
2 พ่อลูก ‘ไตรสรนกุล’ วิชิต และไตรศุลี
ร่วมพูดคุยประชาชน
ที่วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ขณะที่ วิชิต หรือนายกฯ ส้มเกรี้ยงนั้น เล่นการเมืองครั้งแรกเป็น สจ.ศรีสะเกษ ต่อมาได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2543 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องยาวนานมาแล้ว 7 สมัย ส่วน ‘อุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์’ ลูกสาวคนเล็ก สมรสกับ ‘จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์’ อดีต สส.ศรีสะเกษ สังกัดพรรคเพื่อไทย ต่อมาได้ย้ายไปร่วมสังกัดพรรคภูมิใจไทย
ปัจจุบัน วิชิต ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด อย่างในการเลือกตั้ง อบจ. ก่อนจะได้เป็นนายกฯ อบจ.ศรีสะเกษ สมัยที่ 7 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่าน เขาลงสมัครในนาม ‘กลุ่มฅนท้องถิ่น’ ซึ่งมีพันธมิตรที่สำคัญคือ ตระกูลอังคสกุลเกียรติ ของ ‘ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ’ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ ยึดครองพื้นที่เทศบาลศรีสะเกษ มายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว และ ตระกูลแซ่จึง ของปวีณ และผ่องศรี แซ่จึง อดีต สส. ศรีสะเกษ ที่ยึดหลักเอาท้องถิ่น เหนือพรรคการเมือง
แม้วิชิตออกตัวจะไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธสายตาของคนนอกที่มองได้ว่า เขาคือคนในเครือข่ายสีน้ำเงิน และปัจจุบันศรีสะเกษแผ่นดินก็เป็นสีน้ำเงิน