อลิซ กัว อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบัมบัน ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา ได้ถูกศาลฟิลิปปินส์ตัดสิน ‘จำคุกตลอดชีวิต’ ในข้อหาค้ามนุษย์ (Human Trafficking) โดยอัยการฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า อลิซ กัว ซึ่งแสร้งทำเป็นพลเมืองฟิลิปปินส์ ได้รับสมัครชาวต่างชาติ เพื่อดำเนินการหลอกลวงออนไลน์ (Online Scams)
เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานดำเนินงานศูนย์สแกมเมอร์ที่ดำเนินการโดยชาวจีน ซึ่งมีผู้คนหลายร้อยคนถูกเกณฑ์ให้ทำการหลอกลวงทางออนไลน์ นอกจากโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว เธอยังถูกปรับเป็นเงิน 2 ล้านเปโซ (ราว 1.1 ล้านบาท)
โดยอลิซและจำเลยอีก 3 คนถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน ‘จัดการการค้ามนุษย์’ (Organizing Trafficking) ภายในพื้นที่ดังกล่าว ส่วนอีก 4 คนถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน ‘กระทำการที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์’ (Acts of Trafficking)
คดีของอลิซ กัว ได้รับความสนใจอย่างมากในฟิลิปปินส์ หลังจากเจ้าหน้าที่ค้นพบศูนย์สแกมเมอร์ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองบัมบัน ศูนย์ดังกล่าวดำเนินการภายใต้ชื่อ Philippine Online Gaming Operations (Pogo) ซึ่งให้บริการแก่ลูกค้าในจีนแผ่นดินใหญ่ที่การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย สถานที่ดังกล่าวประกอบด้วยอาคารสำนักงาน, วิลล่าหรู, และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และอาคารประมาณ 36 หลังที่เคยเป็นกรรมสิทธิ์ของอลิซมาก่อน
การบุกตรวจค้นศูนย์สแกมเมอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกับอลิซเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2024 หลังมีคนงานชาวเวียดนามหลบหนีและแจ้งกับตำรวจ โดยมีผู้คนกว่า 700 คน ซึ่งเป็นชาวฟิลิปปินส์, จีน, เวียดนาม, มาเลเซีย, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, และรวันดา ทำงานอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือหลายคนระบุว่า พวกเขาถูกบังคับให้หลอกลวงแบบ ‘Pig Butchering’ หรือ การหลอกให้ลงทุนผ่านการสานความสัมพันธ์ระยะยาว
ปัญหาด้านสัญชาติและการเมือง
แหล่งข่าวของสื่อต่างประเทศหลายสำนักเผยว่า อลิซ กัว เป็นหญิงชาวจีนที่สวมรอยเป็นพลเมืองฟิลิปปินส์ โดยศาลในกรุงมะนิลาตัดสินในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า ในฐานะพลเมืองจีน เธอไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีตั้งแต่แรก ทำให้การแต่งตั้งของเธอและทีมงานนายกเทศมนตรีทั้งหมดถูกประกาศให้ ‘เป็นโมฆะ’
นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาจากนักการเมืองฟิลิปปินส์ว่า เธอเป็น ‘ทรัพย์สินของรัฐบาลจีน’ (Asset of the Chinese Government) ที่หลีกเลี่ยงกฎหมายทะเบียนราษฎร, กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง, และกฎหมายการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ โดยมีการพบหลักฐานว่า เธอไม่ได้เกิดในฟิลิปปินส์ตามที่กล่าวอ้าง แต่ได้อพยพมาจากประเทศจีน พร้อมครอบครัวในช่วงที่เธอยังเป็นวัยรุ่น และลายนิ้วมือของเธอตรงกับพลเมืองจีนชื่อ กัวฮวาผิง (Guo Hua Ping)
อลิซถูกถอดออกจากตำแหน่ง และหายตัวไปในเดือนกรกฎาคม 2024 ก่อนที่เธอจะถูกจับกุมที่อินโดนีเซียในเดือนกันยายน 2024 หลังหลบหนีออกจากฟิลิปปินส์ และถูกส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังฟิลิปปินส์ พร้อมกับการยกเลิกหนังสือเดินทางฟิลิปปินส์ของเธอ
อลิซปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และยังไม่แน่ชัดว่าเ ธอจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ โดยเธอยังมีคดีความที่ดำเนินการอยู่อีก 5 คดี ซึ่งรวมถึงคดีที่เธอถูกตั้งข้อหาฟอกเงิน
โดยวุฒิสมาชิกฟิลิปปินส์กล่าวว่า การตัดสินลงโทษอลิซ ถือเป็น “ชัยชนะต่อการทุจริต, การค้ามนุษย์, อาชญากรรมไซเบอร์, และอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ อีกมากมาย” ทั้งยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องถึงขอบเขตทั้งหมดของการปฏิบัติการข่าวกรองของจีนในฟิลิปปินส์
คดีความของเธอมีขึ้นในช่วงที่ฟิลิปปินส์และจีนยังคงมีข้อพิพาทเรื่องแนวปะการังในทะเลจีนใต้ โดยสถานทูตจีนในกรุงมะนิลาไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็นทันที และจีนยังคงนิ่งเงียบเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่มีต่อเธอ
อุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์ได้เติบโตอย่างมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความเสียหายในภูมิภาคคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท)ในปี 2023
แฟ้มภาพ: Daniel Ceng / Anadolu via Getty Images
อ้างอิง:


