คุณนึกภาพชีวิตประจำวันที่ขับเคลื่อนด้วยยนตรกรรมระบบปลั๊กอินไฮบริดแบบเต็มขั้นออกไหม
หากนึกไม่ออก เราขอพาคุณเดินทางข้ามทวีปไปสัมผัสเรื่องราวชีวิตจริงของครอบครัวในเมืองมิวนิกที่คลุกคลีกับการใช้รถปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งหมายถึงรถยนต์ระบบไฮบริดที่ขับเคลื่อนได้ทั้งในรูปแบบเครื่องยนต์สันดาปและเครื่องยนต์ไฟฟ้ามานานหลายปี กระทั่งพบว่านั่นไม่ใช่แค่ยานพาหนะ หากแต่เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ช่วยให้วิถีชีวิตของครอบครัวมีความคล่องตัวและยืดหยุ่น รวมถึงทำให้พวกเขาเข้าใกล้ความหมายของคำว่า ‘ความยั่งยืน’ มากขึ้นอีกด้วย
เราอยากให้คุณได้เห็นภาพนั้น เพื่อยืนยันว่ารถยนต์ที่เป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว… มีอยู่จริง
เช้าวันจันทร์ ณ ใจกลางเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี คริสเตียนและกิเซลาอาศัยอยู่กับ อิซเบล ลูกสาววัย 8 ปี เฟลิกซ์ ลูกน้อยวัย 7 เดือน และเมอร์ฟีย์ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์จอมป่วน ดูเผินๆ ครอบครัวของสองสามีภรรยาอาจดูเหมือนครอบครัวสมัยใหม่หลายๆ บ้าน ที่มีพ่อ แม่ ลูก และสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกัน ทว่าอันที่จริงแล้ว ครอบครัวนี้มีบางสิ่งที่ไม่เหมือนครอบครัวไหน และไม่เหมือนครอบครัวไทยที่เรารู้จัก พวกเขาเป็นครอบครัวปลั๊กอินไฮบริด ที่มีสมาชิกเพิ่มเป็นรถยนต์ปลั๊กไฮบริดมาอยู่ร่วมด้วยอีกหนึ่
เป็นประจำทุกวันที่กิเซลาจะรับหน้าที่ขับรถพาลูกสาวไปโรงเรียน แล้วพาเบบี๋ตัวน้อยไปส่งที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ก่อนจะบึ่งรถคู่ใจไปทำงานที่บริษัทเครื่องใช้ในครัวเรือนชั้นนำระดับนานาชาติ ขณะที่คริสเตียนนั้นทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล ออฟฟิศของเขาคือหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่
“พ่อคะ หนูดึงปลั๊กออกเลยนะคะ” เสียงของอิซเบลถามผู้เป็นพ่อ เมื่อเธอกำลังใช้มือน้อยๆ ถอดปลั๊กรถยนต์ BMW X3 อีกไม่กี่ปีข้างหน้า เธอก็จะสามารถขับรถของพ่อแม่ได้ด้วยตัวเองแล้ว และดูเหมือนสาวน้อยก็พร้อมเปิดรับความรู้เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าเสียด้วย
อิซเบลเติบโตมาพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ เธอรู้จักยานพาหนะ 4 ล้อที่ต้องเสียบปลั๊กเพื่อให้พลังงานตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว โดยได้เริ่มต้นการเดินทางกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดครั้งแรกกับ BMW i8 มาก่อน ซึ่งตอนนี้ครอบครัวใช้รถคันดังกล่าวเป็นรถสำรอง
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) คือยานพาหนะที่ทำงานผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง และลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งที่บ้านของคริสเตียนไว้วางใจในการใช้รถยนต์ประเภทนี้มานานแล้ว และได้ติดตั้งตู้ชาร์จไฟเอาไว้ เพื่อเติมพลังงานไฟฟ้าให้รถโดยเฉพาะ
“ผมสนใจในเรื่องนวัตกรรมและความยั่งยืนมาโดยตลอด คอยติดตามข่าวสารต่างๆ ผมจึงไม่ลังเลที่จะเลือก BMW i8 มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา รถคันนี้ทำงานประสานกันระหว่างเครื่องยนต์แบบเดิมที่เราเคยรู้จักและเครื่องยนต์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ผมมั่นใจว่าถ้าหากคุณได้ลองขับรถยนต์ระบบไฟฟ้าแล้ว คุณจะไม่อยากไปขับรถแบบอื่นอีกเลย” คริสเตียนกล่าวถึงรถไฮบริดปลั๊กอินคันแรกที่เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัว แต่หลังจากที่จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น ทั้งหนูน้อยเฟลิกซ์ และเจ้าสุนัขเมอร์ฟีย์ ทำให้ครอบครัวนี้ต้องมองหารถยนต์ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิม นั่นคือการมาถึงของ BMW X3 รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวนี้ได้ลงตัวยิ่งกว่าเดิม
หลังจากส่งลูกที่โรงเรียนและศูนย์รับเลี้ยงเด็กเรียบร้อยแล้ว กิเซลาขับรถไปจอดที่ทำงานซึ่งมีสถานีชาร์จไฟให้เธอชาร์จ BMW X3 ระหว่างวันไปด้วย “รถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดทำให้เราสามารถเดินทางระหว่างวันได้อย่างสบายใจ ฉันสามารถขับรถไปส่งลูกๆ แล้วก็ขับมาทำงาน พร้อมกับใช้เวลาระหว่างวันในการชาร์จไฟไปด้วย ขากลับฉันก็ขับไปรับลูกๆ กลับบ้านโดยไม่ต้องกังวลอะไรเลย”
ก่อนหน้าที่เธอจะย้ายมาทำงานที่นี่ เธอเองก็ขับรถไปกลับระหว่างบ้านและที่ทำงานด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาตลอด ความคุ้นเคยระหว่างกิเซลาและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจึงกลายเป็นความผูกพันไปแล้ว “ฉันเคยขับ BMW225xe Active Tourer อยู่นานเลยนะคะ ตอนนั้นฉันอยู่ที่เมือง Lauingen ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมิวนิก ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นตั้งแต่วันจันทร์-พฤหัสบดี ที่นั่นจะมีจุดชาร์จไฟฟ้าอยู่ที่ลานจอดรถศาลากลางเมือง ฉันก็ไปจอดชาร์จที่นั่น ทุกอย่างมันลงตัวพอดี และที่ประทับใจอีกอย่างหนึ่งคือ ปลั๊กอินไฮบริดมีความคล่องตัวสูง อย่าง BMW X3 คันนี้ ฉันสามารถทำความเร็วได้ ต่อให้การจราจรในเมืองจะหนาแน่นก็ตาม”
ที่บ้าน คริสเตียนง่วนกับการทำงานจนถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว วันนี้เขามีนัดคุยงานข้างนอกช่วงบ่าย จึงเดินเท้าไปเอารถ BMW X3 ที่ทำงานภรรยาซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก จากนั้นก็ไปรับลูกๆ ที่โรงเรียนและศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ระหว่างทาง เขาแวะที่สวนสาธารณะ เพื่อให้เด็กๆ ได้มีเวลาพักผ่อนหย่อนใจกันบ้าง ก่อนที่คริสเตียนจะต้องขับรถไปคุยงานตามนัดหมายในช่วงบ่ายแก่ๆ แล้วค่อยกลับมาพาเจ้าเมอร์ฟีย์ออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน ตลอดทั้งวันอากาศดี แต่พอเมอร์ฟีย์จะได้ไปวิ่งเล่นเท่านั้นแหละ ฝนก็ทำท่าจะตกลงมาทันที
“ฝนตกแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงวันแรกที่ขับ BMW i8 เลยครับ มันเป็นวันที่ผมได้รู้จักรถยนต์ไฮบริดปลั๊กอินอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ตอนนั้นผมยังกล้าๆ กลัวๆ จะชาร์จไฟทีก็ต้องโทรไปที่ศูนย์บริการเพื่อความมั่นใจ แต่ตอนนี้ แน่นอน ผมรู้ว่าต่อให้ฝนตกหนักแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ปัญหาครับ”
หากความยั่งยืนคือหมุดหมายสำหรับครอบครัวยุคใหม่ การมีรถที่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ ก็คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนนั้น
“BMW X3 มีพื้นที่เพียงพอสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว ตอบโจทย์หลากหลายรูปแบบไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตในเมืองใหญ่ หรือการผจญภัยสู่ธรรมชาตินอกเมือง” คริสเตียนออกปาก เขาและภรรยาเดินทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามาเนิ่นนานราวกับว่ามันคือส่วนหนึ่งของวิถีครอบครัวไปแล้ว “ตอนนี้กลายเป็นว่า ถ้าเมื่อไรที่สถานีชาร์จไฟมีปัญหาแล้วทำให้ต้องสลับระบบมาใช้เครื่องยนต์ปกติ ผมก็จะรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆ ว่าตอนนี้เราไม่ได้ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้า” นั่นคือความรู้สึกของคริสเตียนที่บ่งบอกว่าเขาตกหลุมรักไฮบริดปลั๊กอินของ BMW เข้าให้แล้ว
“คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าความรู้สึกเวลาที่ได้เหยียบคันเร่งแล้วเครื่องยนต์ตอบสนองคุณด้วยระบบไฟฟ้ามันเป็นอย่างไรหากคุณไม่ได้ลองขับเอง เพราะถ้าคุณได้ลองแล้ว คุณอาจจะเป็นเหมือนผม ที่ไม่อยากจากลากับความรู้สึกนั้นเลย”
เมื่อตอนที่คริสเตียนต้องขับรถออกไปคุยงานกับลูกค้านอกเมืองมิวนิก เขาเลือกใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์พาไปสู่จุดหมาย เพราะเข้าใจดีว่าระยะทางไกลบนถนนโล่งๆ มีประโยชน์ต่อการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า “ตอนที่ได้ขับขี่บนถนนโล่งๆ ระยะไกลแบบนี้ล่ะ ที่เราจะได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า เพราะพลังงานไฟฟ้าจะป้อนเข้าไปในแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเมื่อเราทำความเร็วอย่างคงที่ ผมก็จะได้กิโลเมตรในการขับขี่เพิ่มขึ้นมาอีก”
คริสเตียนยังเล่าอีกว่า ผู้คนที่รู้จักเขามักจะชอบเรียกเขาและภรรยาว่าเป็น ‘E-Car ตัวพ่อและตัวแม่’ ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากนั้น เพราะพวกเขาก็ยังคงยืนหยัดที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ซึมซับมาสู่ลูกสาวของพวกเขา อิซเบล ไปแล้วด้วย
“อิซเบลเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่ารถประเภทนี้มีความพิเศษอย่างไร เวลาเธอเห็นจอแสดงผล เธอก็จะรู้เลยว่าตอนนี้ขับด้วยระบบอะไรอยู่ ถ้าเป็นระบบไฟฟ้าจะเป็นสีน้ำเงิน ส่วนสีแดงหรือสีส้มจะเป็นการใช้งานระบบปกติ ซึ่งผมก็อธิบายต่อให้เธอฟังว่า เมื่อไรที่พ่อกับแม่เหยียบแล้วขึ้นเป็นสีแดง นั่นคือผลเสียจะตกไปสู่สิ่งแวดล้อม ตั้งแต่นั้นเมื่อไรที่ผมสลับไปขับโหมดสีแดงปุ๊บ เธอจะสะกิดผมทันทีเลยว่ามันไม่ดีนะ”
คริสเตียนกลับถึงบ้านช่วงค่ำ เขานำรถเข้าจอดโรงรถเพื่อชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากตู้จ่ายไฟให้เต็มที่ ในขณะเดียวกันตัวเขาเองก็ต้องชาร์จพลังงานด้วย แหล่งพลังงานของเขาก็คือการได้ใช้เวลากับครอบครัวเพื่อเริ่มต้นวันใหม่
หวังว่าพรุ่งนี้ฝนจะไม่ตก และเจ้าเมอร์ฟีย์จะได้ออกไปวิ่งเล่นสักทีนะ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล