วันนี้ (8 พฤศจิกายน) ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ต่อสัญญา MotoGP อีก 5 ปี ด้วยงบประมาณเกือบ 4,000 ล้านบาทว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะเห็นด้วยกับการใช้มหกรรมกีฬาเพื่อสร้างรายได้ แต่งานที่ใช้เงินภาษีไปสนับสนุนก็ควรต้องมีผลตอบแทนกลับให้ประเทศในระดับที่เหมาะสม
ศึกษิษฏ์ระบุว่า ในช่วงที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล งานนี้เป็นภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นทุกปีและเป็นสัญญาผูกพันจากรัฐบาลก่อนหน้า ขณะที่เอกชนผู้สนับสนุนก็ลดน้อยลง ซึ่งเป็นข้อมูลที่บ่งบอกบางอย่าง
ศึกษิษฏ์ยังได้ตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า โดยระบุว่า ตัวเลขผู้เข้าชมและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจบ่งบอกว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน แม้แต่เอกสารประมาณการของหน่วยงานรัฐที่เสนอ ครม. เองก็ชี้ชัดว่าจำนวนผู้เข้าชมและผลตอบแทนลดลง ทำให้สงสัยว่า ในเมื่อตัวเลขทั้งจากมุมเอกชนและการประมาณการของหน่วยงานรัฐเองก็บ่งบอกว่าผลตอบแทน ผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับมีน้อยลง แล้วทำไมถึงไปเซ็นสัญญาผูกมัดไปอีก 5 ปีด้วยค่าลิขสิทธิ์ที่สูงขึ้นกว่า 50%
ศึกษิษฏ์ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า หรือสัญญานี้ถูกใช้เป็นตัวประกันไม่ให้ขับไล่ได้ เพราะมีสัญญาผูกพันอยู่ เนื่องจากพื้นที่สนามจัดแข่งอยู่ในพื้นที่พิพาทกับรัฐ ในพื้นที่เขากระโดง ถ้ามีการเพิกถอนขับไล่ผู้ที่บุกรุกที่ดินรัฐก็จะมีข้ออ้างเรื่องค่าผิดสัญญา
นี่จึงเป็นสาเหตุ ทำไมรัฐบาลที่ผ่านมาจึงยอมจ่ายเท่าไหร่ก็ต้องยอม เพื่อผูกมัดตรงนี้ไว้ โดยจ่ายค่าตอบแทนให้กับต่างชาติจำนวนสูง เพื่อไม่ให้รัฐบาลขับไล่ นำพื้นที่ของรัฐคืนมาได้ใช่หรือไม่ พร้อมระบุว่า ให้ดูจากการกระทำของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่รัฐบาลทำไป ทำไปเพื่ออะไร หรือเพื่อใครกันแน่ และฝากให้ประชาชนร่วมกันติดตามเพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว


