วันนี้ (9 สิงหาคม) ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับตัวแทน 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, วรเชษฐ เชิดชู สส. พรรคเพื่อไทรวมพลัง, เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่, บัญชา เดชเจริญศิริกุล พรรคท้องที่ไทย และ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า
นพ.ชลน่าน ระบุว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมือง รวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว คาดหวังอย่างยิ่งว่าจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมืองทุกฝ่าย เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้ง สส. จากหลายพรรคการเมือง และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศและเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น ยืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤตความขัดแย้งในสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งขั้ว
นพ.ชลน่าน ระบุเพิ่มเติมว่า การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่มทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เราทั้ง 6 พรรคและเพื่อไทยขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤตให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
ด้านประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ระบุว่า ขอบคุณที่เชิญพรรคชาติพัฒนากล้าร่วมหารือและแถลงจัดตั้งรัฐบาล พรรคยินดีตอบรับคำเชิญในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ โดยมี 5 เหตุผล
- พรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล
- ขณะนี้พรรคเพื่อไทยรวบรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งอย่างแน่นอน ทำให้มั่นใจว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
- ไม่มีนโยบายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขมาตรา 112
- มั่นใจนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ซึ่งประสบความสำเร็จ และ
- เกือบ 3 เดือนเรามีรัฐบาลรักษาการ มีปัญหาเศรษฐกิจที่รอไม่ได้ เพื่อลดความกังวลใจ พรรคเห็นว่าจะต้องร่วมมือในการสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ชอบธรรม ตามรัฐธรรมนูญ
ด้าน พ.ต.อ. ทวี ระบุว่า พรรคประชาชาติมีการประชุมว่าเราจะโหวตให้แค่พรรคที่ 2 คือพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้านอกไปจากนั้นไม่ใช่หลักประชาธิปไตย ส่วนการร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้นยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนโยบายหรือตำแหน่งรัฐมนตรี
“เราจำเป็นต้องมีรัฐบาล มีความเจ็บปวดบ้างเมื่อฝ่ายประชาธิปไตยไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราผลักดันแก้รัฐธรรมนูญที่ให้เสียงประชาชนเล็กกว่า สว. ที่มีการแต่งตั้ง ซึ่งเราก็ต้องนำมาแก้ปัญหาดีกว่าปล่อยให้อันดับที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาเป็นนายกฯ” พ.ต.อ. ทวี กล่าว
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า ขอวิงวอนทุกท่าน ในตอนหาเสียงเคยพูดไว้ต้องยึดมั่น ละเมิดไม่ได้ ขอเรียนว่าการหาเสียงคือการหาเสียง ไม่ใช่นโยบายพรรคที่ถ้าหากไม่ทำถึงจะผิดสัญญา
“พรรครวมไทยสร้างชาติ คุณประยุทธ์ก็ไปแล้ว ไม่มีแล้วแม่ทัพ เราควรจะเอาไหม บางคนก็บอกว่าไม่ได้ แต่ผมก็เรียนว่าควรจะเลี้ยงดูไว้ หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐก็ดี แม่ทัพยังอยู่ แต่แม่ทัพก็ยอมแพ้ไปแล้ว เราจะเอาไพร่พลต่างๆ มาเลี้ยงดูไหม ก็ฝากเป็นข้อคิดพี่น้องประชาชนเปิดใจให้กว้าง เพื่อที่จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าว
นพ.ชลน่านยืนยันว่ามีเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่ง และขณะแถลงข่าวมีเสียงที่รวบรวมได้ 238 เสียง ส่วนจะมีพรรคไหนมาเพิ่มเติมให้ได้เสียงเพิ่มขึ้น พรุ่งนี้จะมีการแถลงเพิ่มเติม โดยจะแจ้งสื่อมวลชนและประชาชนให้รวดเร็วที่สุด คาดว่าจะจบภายในสัปดาห์นี้
เมื่อถามว่าไม่เอาพรรคลุง จะมีวิธีพูดคุยกับสมาชิกหรือ สส. ที่อยู่ในพรรคเหล่านั้นอย่างไรเพื่อให้มาสนับสนุน นพ.ชลน่าน ระบุว่า เราได้ออกแถลงการณ์ไปแล้วถึงแนวทางที่จะแสวงหาการมีส่วนร่วมของ สส. และ สว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้เห็นแก่บ้านเมืองและเป็นการสลายขั้ว แก้วิกฤตได้เราก็ยินดี
ด้านภูมิธรรมกล่าวเสริมว่า ในช่วงบ่ายนี้เราจะมีการหารือกับพรรคก้าวไกล และพรุ่งนี้จะมีการหารือกับพรรคชาติไทยพัฒนา จะค่อยๆ ไป แต่ปัญหาขณะนี้คือความต้องการพยายามจะทำให้ทุกพรรคทุกฝ่ายทุกกลุ่มทุกคนมีการเข้าร่วม ไม่ใช่กระบวนการแย่งคนจากพรรคเหมือนในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลพิเศษในช่วงวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตปัญหาปากท้องประชาชน และวิกฤติความขัดแย้ง เราต้องการให้รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ จากวิกฤตความขัดแย้งที่ดำเนินมากว่า 20 ปี ถ้าเป็นในส่วนของบุคคลก็ถือเป็นการร้องขอจากเรา ไม่ใช่งูเห่าทั้งสิ้น ไม่ได้อยากทำลายกระบวนการของพรรคการเมือง
“จากข้อจำกัด หลักการนี้จะไม่มีข้อจำกัด เพราะฉะนั้นท่านจะมามองว่าพรรคนั้นจะมาพรรคนี้จะมา อาจจะไม่ถูกต้อง อาจจะมีบางกลุ่มมา อาจจะมีบางคนมา แต่ทั้งหมดมาเพื่อวาระประเทศ เพื่อการแก้ไขปัญหาของประเทศที่กำลังเกิดขึ้นให้พ้นวิกฤตทั้งหมด” ภูมิธรรมกล่าว
ภูมิธรรมย้ำด้วยว่า สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ทั้งจากนโยบายของฝ่ายค้านและรัฐบาล พรรคเพื่อไทยยินดีจะทำและปฏิบัติตาม แต่นโยบายใดที่กระทบกับสถาบันหลักของประเทศเราจะไม่แตะต้อง เราไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112
เมื่อถามว่าจะมีโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาลเป็นรายบุคคลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่ายทุกบุคคล ซึ่งการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นเอกสิทธิ์ของทุกคนที่สามารถทำได้ ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยในการร่วมรัฐบาล ส่วนทางพรรคก้าวไกลเรามีข้อจำกัดในการร่วมแม้จะมีการโหวตสนับสนุนถึง 2 ครั้ง แต่เราก็เคารพ เอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล ถ้าการโหวตสามารถปิดวิกฤต ปิดจุดอ่อน เรายินดีร่วม
นพ.ชลน่านระบุถึงกรณีหากพรรคก้าวไกลโหวตให้พรรคเพื่อไทยอาจจะทำให้ สว. บางส่วนหาข้ออ้างไม่โหวตให้นั้นว่า แนวทางที่เราทำไม่ได้เป็นเงื่อนไขให้ สว. มีข้อกังวล เพราะเราไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล และเชื่อว่า สว. จะให้เสียงสนับสนุนเราได้
ส่วนกระแสที่ระบุว่า สส. เพื่อไทยไม่เห็นด้วยที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วนั้น นพ.ชลน่านระบุว่า วานนี้พรรคได้มีการประชุม สส. ของพรรคและเปิดอกพูดคุย รับฟังทุกเสียงทั้งบวกและลบ ซึ่งไม่มี สส. ท่านใดที่มีแนวคิดไม่เห็นด้วย มีแค่ข้อห่วงใย โดยเฉพาะสิ่งที่เราได้ประกาศไปทำให้ต้องรับภาวะกดดันจากในพื้นที่ แต่ถึงกับย้ายฟากออกไปจากพรรคไม่มี ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเอกภาพ
เมื่อถามว่ามีกรณีที่มีกระแสข่าวว่า จาตุรนต์ ฉายแสง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะนำ สส. 24 คนจากพรรคเพื่อไทยย้ายไปสังกัดพรรคก้าวไกล นพ.ชลน่านระบุว่า เราก็เพิ่งทราบจากสื่อเช่นกัน แต่ไม่เคยมีการพูดคุยในส่วนนี้ และ สส. ก็ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ ขณะที่ภูมิธรรมระบุว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 สิงหาคม) เวลาประมาณ 13.00 น. จาตุรนต์เข้าร่วมการประชุมและยังสนับสนุนให้เราเดินหน้าในแนวทางนี้ต่อไป พร้อมย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีปัญหานี้ เสียงที่มีปัญหามีเพียง 1-2 เสียงเท่านั้น ซึ่งตนเข้าใจว่าทุกคนมีความเจ็บปวด ถ้าอยากให้สมบูรณ์ ถ้าเราไม่มีตัวเลือกตัวเลขทางการเมืองแบบนี้ หากเราแก้ปัญหาได้ เราคงไม่เดินมาถึงจุดนี้
นพ.ชลน่านยังยืนยันด้วยว่ายังจะเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรคเพื่อไทย และมั่นใจว่าการโหวตจะผ่าน ไม่มีคำว่า ‘ถ้า’ ส่วนหากเสียงโหวตไม่ถึง 375 เสียงนั้นมองว่าเป็นฉากทัศน์ที่สมมติขึ้น ตนไม่อยากสมมติขณะนี้เพราะอยู่บนพื้นฐานความมั่นใจ
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยกลับไปง้อพรรคก้าวไกลให้โหวตโดยไม่มีร่วมรัฐบาลหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า จุดยืนสุดท้ายที่เราตกลงกันชัดเจนหากก้าวไกลจะไปเป็นฝ่ายค้าน เพื่อไทยจะเป็นฝ่ายรัฐบาล แต่เราจะทำงานการเมืองร่วมกันในลักษณะที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติในสภา และเราไม่เห็นด้วยกับมาตรา 112 เราพูดถึงการแบ่งหน้าที่ในการทำงาน ไม่ได้พูดเรื่องการมารวมกันเป็นรัฐบาล