ทีมพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ภายใต้ความร่วมมือของบริษัท Pfizer ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ และ BioNTech ผู้พัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของเยอรมนี กลายเป็นกลุ่มวิจัยวัคซีนโควิด-19 ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดของโลก หลังจากที่เมื่อวานนี้ (9 พฤศจิกายน) ทางบริษัทประกาศความสำเร็จในผลวิเคราะห์ขั้นต้นชุดแรกของการทดลองทางคลินิก หรือการทดลองวัคซีนในคนเฟสที่ 3 ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างหรืออาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนจำนวน 43,538 คน ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ เยอรมนี บราซิล อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ และตุรกี และพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสได้สูงกว่า 90% อีกทั้งยังไม่พบประเด็นเรื่องความปลอดภัยหรือผลข้างเคียงใดๆ
“วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับวงการวิทยาศาสตร์และมนุษยชาติ ผลลัพธ์ชุดแรกจากการทดลองวัคซีนโควิด-19 เฟสที่ 3 ของเรา แสดงให้เห็นถึงหลักฐานขั้นต้น ว่าวัคซีนของเรามีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19” ดร.อัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานและซีอีโอของ Pfizer กล่าว พร้อมชี้ว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในรอบ 100 ปี
“มันพิเศษมาก เพราะมันมาถึงในเวลาที่โลกต้องการมันมากที่สุด” ดร.เบอร์ลา ระบุในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของสหรัฐฯ พุ่งสูงมากกว่า 100,000 รายต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ผลวิเคราะห์ขั้นต้นดังกล่าว มาจากการประเมินกลุ่มตัวอย่างที่ติดเชื้อโควิด-19 ชุดแรกจำนวน 94 ราย จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ซึ่งแต่ละคนจะได้รับวัคซีนหรือยาหลอก (Placebo) คนละ 2 โดส โดยพบว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีนติดเชื้อน้อยกว่า 10% ส่วนกลุ่มที่ได้รับยาหลอกนั้นติดเชื้อมากกว่า 90%
Pfizer ระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ตัวนี้ พัฒนาโดยเทคโนโลยีที่ยังไม่เคยผ่านการรับรองมาก่อน อย่าง mRNA หรือเทคโนโลยีที่ใช้ตัวอย่างจีโนมของไวรัสเพื่อกระตุ้นการผลิตภูมิต้านทาน
ซึ่งตัววัคซีนจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคโควิด-19 ได้มากกว่า 90% ในช่วง 7 วัน หลังจากที่ให้วัคซีนโดสที่ 2 หมายความว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนจะสามารถต้านทานไวรัสได้ 28 วัน นับตั้งแต่ที่เริ่มต้นการให้วัคซีน
ขณะที่ความสำเร็จในการป้องกันโควิด-19 ได้มากกว่า 90% นั้น สูงกว่าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA เคยคาดหวังไว้ที่ 50% ทำให้ทาง Pfizer ตั้งเป้าขออนุมัติการใช้งานวัคซีนกรณีฉุกเฉินจาก FDA ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนนี้ หลังจากที่ได้ข้อมูลความปลอดภัยของวัคซีนที่มากพอ
และคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้ 50 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ และอีกราว 1,300 ล้านโดส ในสิ้นปี 2021 ซึ่งกลุ่มที่จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรกๆ คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สถานดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด
สำหรับการทดลองในเฟสที่ 3 ของ Pfizer และ BioNTech เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม และจนถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 พฤศจิกายน) มีกลุ่มตัวอย่างได้รับวัคซีนโดสที่ 2 แล้ว 38,955 คน แบ่งเป็นสัดส่วนในสหรัฐฯ 30% ในต่างประเทศ 42% และจะยังคงเดินหน้าต่อจนถึงการวิเคราะห์ผลขั้นสุดท้าย ที่มีกลุ่มตัวอย่างติดเชื้อ 164 คน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/health-54873105
- https://edition.cnn.com/2020/11/09/health/pfizer-covid-19-vaccine-effective/index.html
- https://news.yahoo.com/us-betting-3-types-coronavirus-172200401.html?guccounter=1&guce_referrer=aHR0cHM6Ly9sLmZhY2Vib29rLmNvbS8&guce_referrer_sig=AQAAAG90M6wOqvBkeWcXk46H4xKsZihjQRiiV9mdtKe5zW8yXupAeSEOVc3iH7G_M73aGn2uCbeNuze3MIRSGt6Nsi52JzmoHwzU8vVGXS1nFKwMZpPuexu7ypTcCHEmAzrSJeaEFB63Fh14a0G8X0MkWeu5Df06MHoHh4SjpvDEyY3K
- https://www.pfizer.com/news/press-release/press-release-detail/pfizer-and-biontech-announce-vaccine-candidate-against