ปีเตอร์ ชิฟฟ์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังและซีอีโอ Euro Pacific Capital ได้ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับอันตรายที่ภาคธนาคารสหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งอาจเลวร้ายยิ่งกว่าวิกฤตการเงินในปี 2008 เขายังเตือนว่าสถานการณ์ในอิสราเอลอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสถานการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก
ปีเตอร์ ชิฟฟ์ เตือนว่าอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยง
นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังมองว่าปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกอยู่ในความเสี่ยงคือการแข่งขันจากการปล่อยกู้รูปแบบใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทางเลือกในการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นนี้ยังส่งผลให้ธนาคารเผชิญกับความเสี่ยงที่มากขึ้น เนื่องจากพวกเขาพยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของราคาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่อยู่อาศัยส่งผลให้ผู้ซื้อโดยเฉลี่ยมีความสามารถในการจ่ายน้อยลง และทำให้ธนาคารต้องขยายเกณฑ์การให้สินเชื่อและเสนอสินเชื่อมากขึ้น แม้ว่ากฎระเบียบทางการเงินของสหรัฐฯ อาจดูเข้มงวดขึ้นหลังปี 2008 แต่ก็ขาดการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ
ชิฟฟ์ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าสถานะทางการเงินของธนาคารสหรัฐฯ แย่ลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 2008 เขายังเน้นย้ำว่าหากเกิดวิกฤตอีกครั้ง ผลกระทบของมันอาจเลวร้ายยิ่งกว่าที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008 อีกด้วย
ปีเตอร์ ชิฟฟ์ คาดการณ์ว่าจะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไป
ท่ามกลางสงครามในตะวันออกกลาง เขาเปรียบเทียบสถานการณ์ในอิสราเอลกับเหตุการณ์ 9/11 ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสถานการณ์ที่เลวร้าย เขาเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอในเชิงโครงสร้างอยู่แล้ว และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง อิสราเอล ปาเลสไตน์ และอิหร่าน อาจทำให้ปัญหาทั้งหมดบานปลาย เขายังแสดงความเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เนื่องจากความไม่แน่นอนทั้งหมดที่มีอยู่ และบางทีอาจต้องลดอัตราดอกเบี้ยลง
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: