×

ยลความงาม ‘นัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง’ อีกครั้งในกิจกรรมลานดารา เพชรา เชาวราษฎร์

17.01.2020
  • LOADING...
เพชรา เชาวราษฎร์

ภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ขุนทอง เข้าฉายในปี 2521 คือผลงานเรื่องสุดท้ายที่แฟนภาพยนตร์ยุคก่อนมีโอกาสชมฝีมือการแสดงของ เพชรา เชาวราษฎร์ นางเอกสาวเจ้าของฉายา ‘นัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง’ 

 

นี่คือโอกาสอันดีที่ทุกคนจะได้พบกับตำนานดาวค้างฟ้าแห่งวงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้งในกิจกรรมลานดารา เพชรา เชาวราษฎร์ ที่มีทั้งนิทรรศการภาพถ่าย ฉายภาพยนตร์ ร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์ในวงการของ ‘ราชินีจอเงิน’ และการประทับรอยมือรอยเท้าบนลานดารา หน้าโรงภาพยนตร์ศรีศาลายา หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 มกราคมนี้ 

 

ก่อนที่ทุกคนจะได้ชมความงามของ ‘นัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง’ ในครั้งนี้ THE STANDARD POP จะขอพาไปร่วมรำลึกความหลังถึงชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละครหรือภาพยนตร์ใดๆ ของนางเอกที่ฝากผลงานการแสดงอันตราตรึงให้กับวงการบันเทิงไทยเอาไว้มากถึง 320 เรื่อง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 16 ปี

 

แม้ว่าบทบาทชีวิตบางช่วงของเธออาจจะแสนเศร้า แต่ความรักที่มีให้กับอาชีพนักแสดงที่เธอยอมทุ่มเททั้งชีวิตให้นั้นควรค่าแก่การส่งต่อแรงบันดาลใจ มากกว่าที่จะปล่อยให้ชื่อของเธอหลงลืมไปตามกาลเวลา

 

เพชรามีชื่อแรกเกิดว่า เอก เชาวราษฎร์ เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2486 เด็กสาวจากจังหวัดระยอง เป็นลูกคนที่ 4 ของครอบครัวที่ค่อนข้างเข้มงวด นานๆ ถึงจะมีโอกาสติดตามพี่สาวออกไปดูหนังกลางแปลงสักครั้ง 

 

จนวันหนึ่งเธอได้รับชมภาพยนตร์เรื่อง โบตั๋น ที่นำแสดงโดย วิไลวรรณ วัฒนพานิช ที่ทำให้เธอซาบซึ้ง ร้องไห้จนน้ำตาอาบแก้ม โดยไม่เคยรู้เลยว่าอีกไม่กี่ปีต่อมาภาพของเธอจะปรากฏอยู่บนจอภาพยนตร์ และทำให้ผู้คนต้องเสียน้ำตาเพราะความประทับใจเช่นเดียวกัน 

 

ชีวิตในช่วงเริ่มเป็นสาวของเพชราไม่ต่างจากบทบาทในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องเท่าไรนัก เธอถูกหมั้นหมายกับเจ้าของอู่ต่อเรือตั้งแต่อายุ 15 ปี ด้วยความเป็นเด็กและไม่ได้มีใจรัก ทำให้เธอพยายามบ่ายเบี่ยงกำหนดการนั้นมาตลอดระยะเวลา 2 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจหนีออกจากงานแต่งงานที่กำลังจะจัดขึ้นในอีก 20 วันข้างหน้า เพื่อออกเดินทางตามหารักแท้มาอยู่ที่กรุงเทพฯ กับชายหนุ่มที่เธอชอบพอด้วย

 

ถึงแม้ว่าความรักครั้งนั้นจะต้องจบลงโดยที่ยังไม่ถึงฝั่งฝัน แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็นับเป็นหมุดหมายสำคัญในการแจ้งเกิด ‘เพชร’ เม็ดงามให้กับวงการภาพยนตร์ จากการชนะรางวัลเทพธิดาเมษาฮาวายประจำปี 2504 ในชื่อ ปัทมา เชาวราษฎร์ ที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการเผยภาพลักษณ์และความสวยงามของเธอไปสู่สายตาผู้สร้างภาพยนตร์ไทยหลายคน

 

หนึ่งในนั้นคือ ศิริ ศิริจินดา และดอกดิน กัญญามาลย์ ที่มาทาบทามให้รับบทบาทหญิงสาวชาวไร่ใสซื่อในภาพยนตร์เรื่อง บันทึกรักของพิมพ์ฉวี ที่กำลังเป็นละครวิทยุที่เธอชื่นชอบ ทำให้เธอตอบรับโอกาสในครั้งนี้ทันที 

 

เพชรา เชาวราษฎร์

 

ดอกดินได้เปลี่ยนชื่อให้เธอเป็น เพชรา เชาวราษฎร์ และได้รับฉายา ‘ดาราสาวนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง’ จากนักข่าวบันเทิงชื่อดัง เจน จำรัสศิลป์ และ บันทึกรักของพิมพ์ฉวี ผลงานเรื่องแรกที่เธอแสดงร่วมกับ มิตร ชัยบัญชา ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ภาพยนตร์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานคู่ขวัญ ‘มิตร-เพชรา’ ที่ไม่มีใครในประเทศไทยไม่รู้จักจากการร่วมงานกันอีกมากกว่า 200 เรื่อง 

 

ด้วยหน้าตาสะสวย คมคาย นัยน์ตาหวานเป็นเอกลักษณ์ ท่วงท่าการแสดง และอารมณ์ที่กินใจในทุกบทบาท ทำให้กราฟชีวิตในวงการภาพยนตร์ของเธอก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว โดยมีผลงานการแสดงมากถึง 5 เรื่องในปี 2505 เพิ่มเป็น 9 เรื่องในปี 2506 และ 15 เรื่องในปี 2507

 

ก่อนจะเข้าสู่ยุคที่วงการภาพยนตร์ตกอยู่ในมนต์สะกดของนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้งของเธออย่างแท้จริงตั้งแต่ปี 2508-2514 ที่มีผลงานการแสดงมากกว่า 30 เรื่องในทุกปี โดยเฉพาะในปี 2509 ที่ผู้ชมได้เห็นฝีมือการแสดงของเธอมากถึง 41 เรื่องด้วยกัน 

 

ไม่ใช่แค่บทนางเอกสาวผู้น่าสงสารที่แฟนๆ คุ้นเคย แต่เพชรายังเป็นนักแสดงที่ผ่านมาแล้วแทบทุกบาท ทั้งเด็กสลัม เศรษฐินี เจ้าหญิง โจรสาว และอื่นๆ อีกมากมาย ที่แม้บางเรื่องจะปรากฏตัวแค่ไม่กี่ฉาก แต่ก็ทำให้แฟนๆ คล้อยตามไปกับบทบาทที่เธอแสดงได้ทั้งหมด 

 

คงไม่เกินไปนักหากจะบอกว่าเพชราคือผู้จุดกระแส ‘ไอดอลฟีเวอร์’ ผู้มาก่อนกาลอย่างแท้จริง แฟนคลับสาวๆ หลายคนพยายามแต่งตัวและทำผมแบบที่เห็นในภาพยนตร์ โดยเฉพาะทรงเกล้าสูงเป็นมวยโต มีจอนโค้งรับกับใบหูทั้งสองข้าง อันเป็นภาพจำอย่างหนึ่งของเธอ

 

และถ้าเพชรามีงานโชว์ตัวที่จังหวัดไหน จะมีแฟนคลับจำนวนมากไปรอรับเธอที่สถานีรถไฟจนเต็มพื้นที่ รวมทั้งการเบียดเสียดแย่งชิงพื้นที่เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุดจนเกิดเหตุการณ์ ‘รั้วพัง’ เป็นเรื่องปกติ

 

โดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่องใดที่มีชื่อมิตร-เพชราปรากฏอยู่ แฟนๆ ก็พร้อมตีตั๋วเข้าชมโดยไม่ต้องสนว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เคยมีคนดูต่างจังหวัดลงทุนเช่ารถเมล์เข้ามาในตัวเมืองเพื่อชมภาพยนตร์ แต่เมื่อพบว่าไม่ใช่มิตร-เพชราก็นั่งรถเมล์กลับทันที อีกทั้งชื่อที่ปรากฏติดกันซ้ำๆ ของทั้งคู่ยังทำให้แฟนๆ บางคนเข้าใจผิดว่าชื่อเพชรานั้นเป็นนามสกุลของมิตรไปเลยก็มี

หากแต่แสงไฟที่สาดส่องให้อนาคตในวงการบันเทิงสดใสมากเท่าไร ก็ยิ่งบดบังให้ระยะเวลาเปล่งประกายของนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้งคู่นี้ลดน้อยลงไปอย่างน่าเสียดาย

 

จากการโหมทำงานหนักด้วยความทุ่มเทและตั้งใจ ประกอบกับสภาพการถ่ายทำภาพยนตร์ในเวลานั้นที่ต้องใช้แสงไฟสว่างจ้าเป็นองค์ประกอบสำคัญ และการต้องเข้าฉากร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง ทำให้นัยน์ตาหยาดน้ำผึ้งของเธอเริ่มมีปัญหาเรื่องการมองเห็นระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ไทยใหญ่ ในปี 2513 ปีเดียวกับที่ มิตร ชัยบัญชา พระเอกคู่ขวัญของเธอเสียชีวิต

 

เธอเริ่มเข้าสู่กระบวนการรักษา แต่จากคิวถ่ายภาพยนตร์ที่แน่นขนัดทำให้หลายครั้งเธอตัดสินใจไม่ไปพบแพทย์ตามนัด เพราะเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวคือไม่อยากทำให้ทีมงานในกองถ่ายเดือดร้อน เพราะต้องรอเธอเพียงคนเดียว

 

ความทุ่มเทที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีของเธอก็ค่อยๆ กัดกร่อนประสิทธิภาพในการมองเห็นของเธอลงไปเรื่อยๆ มีหลายครั้งที่เธอประสบอุบัติเหตุระหว่างขับรถไปถ่ายทำภาพยนตร์ แต่ก็ไม่อาจหยุดความรักและความตั้งใจในการแสดงของเธอได้ เธอพยายามฝืนถ่ายทำภาพยนตร์ต่อไปจนถึงปี 2521 โดยมีภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ขุนทอง ฝากไว้ให้กับผู้ชมเป็นเรื่องสุดท้าย พร้อมกับนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้งที่ไม่อาจมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อีกต่อไป

 

หลังจากนั้นเพชราก็ห่างหายจากวงการบันเทิงเพื่อรักษาตัวเองอยู่หลายปี ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในฐานะนักจัดรายการวิทยุคลื่นลูกทุ่งเอฟเอ็มในปี 2544-2548 หากแต่แฟนๆ มีโอกาสได้ยินเพียงแค่เสียงของเธอเท่านั้น เพราะในเวลานั้นเธอเลือกที่จะไม่ปรากฏตัวตามสื่อ เพราะความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง รวมทั้งความรู้สึกเช่นเดิมที่ว่าไม่อยากให้ใครเดือดร้อนที่ต้องมาคอยดูแลถ้าเธอต้องไปร่วมงานตามที่ต่างๆ

 

เธอจึงตัดสินใจเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน โดยมี ชรินทร์ นันทนาคร ‘พระเอกตัวจริง’ ในชีวิตที่หลงรักเพชราตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นภาพของเธอบนหน้าหนังสือพิมพ์ และบอกกับเธอในวันที่เลวร้ายที่สุดว่า “เธอจำไว้นะ ฉันไม่มีวันทิ้งเธอ” คอยดูแลอย่างใกล้ชิดมาจนถึงทุกวันนี้

 

เพชรา เชาวราษฎร์

 

เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ชื่อของ เพชรา เชาวราษฎร์ ได้รับการประกาศเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์) ประจำปี 2561 รวมทั้งรอยมือและรอยเท้าที่เพชราได้ประทับเอาไว้ ณ ลานดารา ในวันที่ 18 มกราคม 2563

 

จะเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้งคนนี้ฝากไว้ให้กับวงการภาพยนตร์จะยังคงอยู่ตลอดไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย 
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising