วันนี้ (2 พฤศจิกายน) ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการปรับโครงสร้าง และเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทยว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีหลังจากพรรคเพื่อไทยเผชิญอุปสรรคทางการเมือง ตั้งแต่พ้นจากการเป็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี 2 คนของพรรคถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งการปรับทัพพรรคเป็นเหมือนการตีปี่ตีกลองทางการเมืองสนามเลือกตั้ง หากมีการยุบสภาตาม MOA ซึ่งการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2569 เป็นต้นไป ซึ่งขอแสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทยที่ได้หัวหน้าใหม่
ส่วนการตั้งเป้า 200 สส. ของพรรคเพื่อไทย ศิริกัญญา มองว่า อาจจะตั้งต่ำกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และเชื่อว่าอาจเป็นไปได้จริง ซึ่งการตั้งเป้า สส.ของแต่ละพรรคการเมือง เพื่อให้บรรลุผลส่วนผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับประชาชน ซึ่งการตั้งเป้าขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคเป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค เพื่อไปกำหนดยุทธศาสตร์ให้เดินไปสู่เป้าหมาย แต่ผลของการเลือกตั้งประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และย้ำว่าพรรคประชาชนยังตั้งเป้าตามเดิม คือ 250 คนขึ้นไป โดยการตั้งเป้าทำให้เกิดการวางแผนทางยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อให้ถึงเป้าหมาย ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองมีการตั้งเป้าหมายที่แตกต่างกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้พรรคประชาชนใช้สโลแกนมีเราไม่มีเทา จะเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ศิริกัญญา ระบุว่า เป็นแคมเปญเลือกตั้งระยะเริ่มต้นที่อาจมีหลายข้อความ ย้ำว่าเราเอาจริง ไม่เพียงแต่มีเราไม่มีเทา ยังมีอีกหลายเรื่องที่เอาจริงในทุกเรื่อง เรื่องอื่นอาจจะไม่เซ็กซี่เท่ามีเราไม่มีเทา แต่ถ้ามีเราก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีเศรษฐกิจที่สดใส มีอนาคตที่รองรับทุกคนและทุกช่วงวัย ซึ่งผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี
โดยเฉพาะมีเราไม่มีเทา นั่นหมายความว่าประชาชน สนใจให้ความสำคัญ กับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันการฟอกเงิน และทุนเทา ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติใดซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคประชาชนเอาจริงมาตลอดอยู่แล้ว และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ แต่จะทำได้ดีทำได้จริงก็ต่อเมื่อเราเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ก็สอดคล้องกับเป้าหมาย 250 เสียงที่ได้ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าขั้นตอนการคัดเลือกผู้สมัคร สส. พรรคประชาชน ศิริกัญญา กล่าวว่า การคัดเลือก สส.เขตเกือบครบทุกเขตแล้ว ส่วนแบบบัญชีรายชื่อยังดำเนินการอยู่ยังมีอีกหลายขั้นตอน ยืนยันเดินหน้าตามไทม์ไลน์ ที่พรรคได้วางกรอบเอาไว้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การคัดเลือกจะเข้มข้นขึ้นหรือไม่ เนื่องจากครั้งที่แล้วกรอบระยะเวลาอาจดำเนินการไม่ทันแล้วทำให้เลือกคนที่ไม่ตรงเป้า ศิริกัญญา กล่าวว่า กระบวนการคัดเลือกพรรคพัฒนามาเรื่อยๆ ตลอด 3 ครั้งที่ผ่านมา ที่พรรคจะต้องเจอกับการเลือกตั้ง และใช้บทเรียนในอดีตมาปรับปรุงการคัดสรรผู้สมัครตลอดเวลา ครั้งนี้มีเวลานานกว่าปกติ มีการเปิดหลักสูตรให้ผู้ประสงค์ลงสมัครเลือกตั้ง ทั้งท้องถิ่นและระดับชาติผ่านการอบรม ในหลายเรื่องให้ทำการบ้านล่วงหน้า เพื่อทำให้การคัดสรรผู้สมัครสามารถตรวจสอบได้อย่างเข้มข้นมากขึ้น
แต่ยอมรับว่าในหลายเรื่องหลายคุณสมบัติ ไม่สามารถพบได้ในช่วงการคัดเลือก และต้องยอมรับว่าในท้ายที่สุด อาจไม่ได้ผู้สมัครที่เพอร์เฟกต์ 100% แต่กระบวนการหลังจากนั้นเมื่อเกิดเหตุแล้ว มีคณะกรรมการวินัยขึ้นมาสอบสวน และมีบทลงโทษก็น่าจะทำให้กระบวนการทั้งหมด สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ศิริกัญญา ยังกล่าวขอบคุณผลโหวตประชาชนชาวอีสานของนิด้าโพล ที่สนับสนุนแคนดิเดตของพรรคประชาชนเป็นอันดับ 3 และยังคงเลือกพรรคประชาชนเป็นอับดับ 1 โดยพรรคจะใช้ผลโหวตนี้เป็นกำลังใจและนำไปปรับปรุง กระบวนการทำงานภายในพรรค เพื่อให้โดนใจประชาชนมากยิ่งขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าผลโหวตนายกฯของพรรค ประชาชนเป็นอันดับ 3 เป็นสาเหตุจากการไปโหวตให้ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าศิริกัญญา กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่ส่งผลกับการตัดสินใจของประชาชน ผ่านนิด้าโพลแต่อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาไปจนถึงการเลือกตั้ง ยังมีเวลาให้พรรคประชาชนได้ปรับตัว ปรับกลยุทธ์ในพรรค เพื่อทำให้แคนดิเดต นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในท้ายที่สุด
ส่วนที่มีคนวิเคราะห์ และโยงไปถึงการตรวจสอบของพรรคประชาชนที่พุ่งเป้าเพียงพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่พุ่งเป้าไปยังพรรคภูมิใจไทย ศิริกัญญา ระบุว่า จริง ๆ พรรคประชาชนกระทุ้งไปที่นายอนุทินตลอดในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคนแรกที่ต้องลุกมาสอบสวนในเรื่องนี้ พรรคประชาชนยังเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาทุนเทาเพราะไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่านายอนุทิน ซึ่งไม่มีความเกี่ยวโยงเชื่อมไปถึงนายกรัฐมนตรี แต่พรรคประชาชนยังตรวจสอบอย่างเข้มข้นตลอดเวลา
“ดังนั้นไม่ได้เป็นการเลือกที่รักมักที่ชังเรายังคงตรวจสอบเข้มข้นในทุกพรรคการเมือง หากเรามีข้อมูลข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงินหรือทุนเทา ” ศิริกัญญากล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คดีฮั้ว สว. และที่ดินเขากระโดงทำไมถึงเงียบในเรื่องนี้ ศิริกัญญา ระบุว่า ไม่ได้เงียบ ทุกวาระที่มีการสอบสวนในเรื่องนี้เราตรวจสอบอย่างเข้มข้นตลอดเวลา อย่างเขากระโดงก็เห็นว่าเดินหน้าไปตามที่เห็นสมควร ว่าควรจะเป็น คือการที่การรถไฟสั่งฟ้อง เพื่อขอคืนที่ดินและพรรคประชาชนก็มีข้อคิดเห็นไปเรียบร้อยแล้วว่ามีที่ดินอยู่ 2 แปลง ที่ถูก ปปช.ชี้มูลไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเรื่องคดีฮั้ว สว. พรรคประชาชนก็เป็นคนออกมาเปิดเผย แต่กระบวนการที่เป็น สส.ไม่สามารถเข้าไปสอบสวนได้เอง ทำหน้าที่ตามอำนาจที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่แล้ว


