วันนี้ (16 สิงหาคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจที่ตั้งองค์ครูกายแก้วที่บริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว พบว่า มีประชาชนหลากหลายช่วงวัยที่เลื่อมใสศรัทธา ทยอยมารอเข้าไปกราบไหว้บูชาตามความเชื่อ
ซึ่งสถานที่ตั้งขององค์ครูกายแก้วมีเวลาเปิด-ปิดกำหนดไว้คือ 17.00-07.00 น. โดยสิ่งของที่ใช้กราบไหว้จะเป็นดอกไม้ ชุดหมากพลู ขนมหวานไทย พร้อมกับธูปสีดำ
ช่างภาพข่าวได้พูดคุยกับผู้ที่เดินทางมากราบไหว้องค์ครูกายแก้ว โดยระบุว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่มา ส่วนตัวไม่ได้รู้จักประวัติขององค์ครูกายแก้วมาก่อน แต่รับชมข่าวทางโทรทัศน์และเห็นมีผู้เดินทางมาเป็นจำนวนมาก จึงต้องการมาเห็นองค์รูปปั้นของจริง
ขณะที่อีกหนึ่งคนที่ช่างภาพข่าวได้พูดคุยหลังจากทำพิธีกรรมตามความเชื่อคือ นำกระเป๋าสตางค์วางไว้บนชายผ้าที่คลุมองค์ครูกายแก้ว เล่าว่า เดินทางมาหลายครั้งแล้ว พิธีกรรมที่ทำเป็นความเชื่อว่า หากวางสิ่งของไว้ที่ชายผ้าและรอเวลาจนกว่าธูปจะหมด จะได้รับพลังจากองค์ครูกายแก้ว
ทั้งนี้ยังระบุด้วยว่า การกราบไหว้ขอพรอีกรูปแบบคือ การสัมผัสที่ปลายปีกขององค์รูปปั้น โดยผู้ที่ทำเชื่อว่าพรที่ขอจะสมหวัง ส่วนความเชื่อเรื่องการนำลูกสุนัขหรือลูกแมวมาบูชายัญ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่เคยเห็นผู้ที่มากราบไหว้ใช้วิธีการดังกล่าวจริง
ส่วนตัวเชื่อว่าแต่ละคนจะมีวิจารณญาณเป็นของตัวเอง อะไรที่เหมาะสม อะไรที่ไม่เหมาะสม อะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ การกราบไหว้หรือบูชาเป็นความเชื่อส่วนตัว ไม่สามารถบังคับกันได้ และไม่ควรที่จะก้าวล่วงกัน
นอกจากนี้ช่างภาพข่าวยังสังเกตว่า ประชาชนที่เดินผ่านไปมารอบนอกที่ตั้งมีการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปองค์ครูกายแก้ว ส่วนด้านในที่ตั้งมียูทูเบอร์เข้ามาถ่ายทอดสดให้ผู้ที่มีความสนใจได้กราบไหว้ในรูปแบบออนไลน์
อย่างไรก็ตาม สำหรับกระแสเรื่องการนำลูกสุนัขและลูกแมวมาบูชายัญ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation – WDT
ระบุใจความว่า วอชด็อก ไทยแลนด์ กำลังตรวจสอบเรื่องนี้ ขอประชาชนผู้ที่รักสัตว์อย่าเพิ่งตระหนกตกใจ เนื่องจากแต่ละโพสต์ที่ระบุว่าบูชายัญลูกสุนัข-ลูกแมวเป็นบัญชีผู้ใช้ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดมีเบาะแสหรือพยานหลักฐานและพยานบุคคลที่ตรวจสอบได้ว่ามีการกระทำดังกล่าว สามารถติดต่อมาเพื่อที่มูลนิธิจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป