วันนี้ (20 กันยายน) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มอบรางวัล ‘จารุพงษ์ ทองสินธุ์ เพื่อประชาธิปไตย’ แก่ เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ โดยวันนี้มี สุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดา มาเป็นผู้รับมอบรางวัลแทน เนื่องจากพริษฐ์ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
ขณะที่เฟซบุ๊ก เพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ได้เผยแพร่สุนทรพจน์ของพริษฐ์จากเรือนจำ ระบุว่า “กราบสวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ในวันนี้ผมรู้สึกได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลจารุพงษ์ ทองสินธุ์ ประจำปี 2564 เพราะ จารุพงษ์ ทองสินธุ์ นอกจากจะเป็นรุ่นพี่นักกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของผมแล้ว ยังเป็นผู้หนึ่งที่ได้กระทำการเสียสละเพื่อประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุด นั่นคือการเสียสละชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จึงได้มีการก่อตั้งรางวัลนี้ขึ้นเพื่อมอบแก่ผู้ที่เสียสละเพื่อประชาธิปไตย เช่น จารุพงษ์ ทองสินธุ์
“แต่เกียรติภูมิของผมหากจะมีอยู่ ก็ไม่อาจเทียบเท่ากับของจารุพงษ์ ทองสินธุ์ และวีรชนเดือนตุลาคนอื่นๆ ได้ การรับรางวัลในวันนี้จึงถือว่าเป็นเกียรติอันใหญ่หลวงและก็เป็นความน่าหดหู่ของสังคมนี้ด้วย เพราะการที่เรายังต้องแจกรางวัลจารุพงษ์ ทองสินธุ์นี้อยู่ก็แสดงให้เห็นว่า แม้ จารุพงษ์ ทองสินธุ์ และเพื่อนพ้องมิตรสหายจะได้เสียสละจนจากเราไปมากกว่า 45 ปีแล้ว ประเทศนี้ยังคงต้องมีคนเจ็บปวด เสียสละเพื่อประชาธิปไตย มีคนถูกทำร้ายเพราะเรียกร้องประชาธิปไตยไม่ต่างกับในยุคสมัยของ จารุพงษ์ ทองสินธุ์
“ท่านที่เคารพ ในระหว่างการรับรางวัลนี้ ผมยังถูกจับกุมคุมขังด้วยเหตุแห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งผมเชื่อว่าประสบการณ์อันขมขื่นนี้ เพื่อนร่วมรุ่นของจารุพงษ์หลายท่านอาจได้เคยสัมผัส นี่อาจเป็นการเสียสละอิสรภาพเพื่ออุดมการณ์ แต่ในอีกด้าน มันคือความโหดร้ายของรัฐไทย ที่จับเอาคนไปจองจำในคุกอันคับแคบ เพียงเพราะเขาเหล่านั้นคิดและเชื่อแตกต่างจากที่รัฐสั่ง
“นอกจากนี้ การคุมขังคนธรรมดาที่แค่มีความพูด ความคิด ความเชื่อเป็นของตัวเอง ยังเป็นอาการที่สะท้อนว่าประชาธิปไตยของประเทศเรากำลังติดเชื้อโรคเผด็จการแทรกซ้อนจนอ่อนแอและเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง เปราะบางกระทั่งไม่อาจจะอดทนต่อคนที่พูดความจริง จึงต้องปฏิบัติต่อพวกเขาเยี่ยงไพร่ ทาส จำเลย
“คนพูดความจริงที่ต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้มีมาในหลายยุค หลายสมัย ไม่ว่าจะเป็น กุหลาบ สายประดิษฐ์, จิตร ภูมิศักดิ์, ครูครอง จันดาวงศ์, กลุ่มนักศึกษา 6 ตุลา กระทั่ง ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล และ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ไปจนถึงใครหลายคนที่ตอนนี้ยังต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนั้นอยู่ รวมถึงตัวผมเอง
“เช่นนี้เองจึงเป็นเหตุให้ในขณะนี้เพื่อนพ้องคนรุ่นใหม่และพี่น้องคนไทยลุกขึ้นต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทั้งที่คาดว่าประชาธิปไตยนั้นก็ก่อเกิดมาตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 แล้ว หากแต่ว่านับแต่ปี 2475 เป็นต้นมา เรามีแค่ประชาธิปไตยที่ถูกขังกรงล่ามโซ่ไว้ ยังไม่เคยมีประชาธิปไตยที่มีเสรีภาพสักที
“ประชาธิปไตยที่เรากำลังต่อสู้เพื่อให้ได้มานี้ แม้จะปรากฏในหลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบ ต่างมีรูปลักษณ์และข้อเด่น ข้อด้อย แต่ละด้านแตกต่างกัน แต่เสน่ห์ของประชาธิปไตยไม่ว่าจะรูปแบบใดที่มีร่วมกันคือการยอมรับและอดทนอดกลั้นต่อความเห็นของคนอื่น
“นานาอารยประเทศที่ปกครองด้วยประชาธิปไตย มองคนเท่ากัน ล้วนต้องเชิดชูบูชาเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการชุมนุม กระทั่งเสรีภาพในการต่อต้านรัฐบาลอย่างสันติมากกว่าสิ่งอื่นใด หรือใคร เพราะโดยเนื้อแท้แล้วประชาธิปไตยเป็นกลไกที่ออกแบบไว้ให้กลุ่มความคิดเห็นและกลุ่มพลังต่างๆ ได้เชือดเฉือนขัดแย้งกัน โดยไม่ใช้ความรุนแรง
“หากเปรียบเทียบก็คือสังเวียนมวยที่ให้ทุกคนขึ้นชกชิงชัยชนะกันได้โดยให้ทุกคนใส่นวมและสวมอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้บาดเจ็บล้มตาย หลักการใส่นวมต่อยกันนี้ทำให้ประชาชนในประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายต้องสามารถออกมาชุมนุมแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลที่พวกเขาเห็นว่าเป็นทรราชได้ โดยไม่บาดเจ็บล้มตาย
“รวมถึงสามารถแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ผู้มีอำนาจและสถาบันต่างๆ ได้ โดยมิต้องหวั่นเกรงกฎหมายอาญามาตราใด เพราะประเทศเหล่านั้นทราบดีว่าการใช้กำลังกฎหมายและอำนาจเถื่อนปราบปรามความคิดเห็นที่แตกต่าง จะเป็นการก่อไฟความคับแค้นสุมไว้ในใจผู้ถูกกระทำ จนกลายเป็นชนวนความขัดแย้งไม่รู้จบสิ้น ดังที่ประเทศไทยเผชิญมาในรอบสิบปีนี้
“หากเราใฝ่ฝันถึงแผ่นดินไทยที่สงบ ร่มเย็น และปราศจากความรุนแรงทางการเมือง เราจะต้องร่วมกันปกป้องสิทธิ เสรีภาพทางความคิดของทุกคน ทุกฝ่าย โดยเริ่มต้นจากการปลดปล่อยผู้ที่ถูกจองจำด้วยเหตุแห่งความคิด เยียวยาผู้ที่ถูกกระทำโดยอำนาจเถื่อน รวมถึงยกเลิกกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของประชาชนทุกฉบับ ทุกมาตรา เพื่อให้สังคมไทยสามารถเดินหน้าไปสู่ความยุติธรรม ความสมานฉันท์ และประชาธิปไตยได้ต่อไป
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การรับรางวัลจารุพงษ์ ทองสินธุ์ ในวันนี้ จะช่วยส่งแรงให้ประเทศไทยไม่ต้องมีจารุพงษ์ ทองสินธุ์ คนอื่นคนใดขึ้นมาอีก”
โดยในตอนท้ายของสุนทรพจน์มีข้อความระบุว่า วันที่ 43 ของการถูกจองจำครั้งที่ 3 พริษฐ์ ชิวารักษ์ เรือนจำอำเภอธัญบุรี
สำหรับรางวัล ‘จารุพงษ์ ทองสินธุ์ เพื่อประชาธิปไตย’ ปี 2563 ผู้ที่ได้รับรางวัลคือ อานนท์ นำภา และ ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ขณะที่ปี 2562 ได้มอบรางวัลนี้ให้กับ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว