พี่นาค 2 นักแสดงดี พล็อตน่าสนใจ ตลกตามมาตรฐาน THE STANDARD

หลังจากที่แก๊งอยากบวชล้างซวย เอาชนะอาถรรพ์จาก ‘ผีพี่นาค’ จนบวชได้สำเร็จในภาคแรก และกลายเป็นภาพยนตร์สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการทำรายได้ทั่วประเทศไปมากกว่า 150 ล้านบาท

ผู้กำกับอย่าง ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ ก็ไม่รอช้า เดินหน้าขยายจักรวาล พี่นาค 2 เพิ่ม ‘ความซวย’ ของชาวแก๊งให้หนักขึ้นไปอีก เมื่อค้บพบว่า ที่วัดธรรมนาคานิมิตร มีอีกหนึ่งคำสาปที่ว่า ‘ใครอยากสึกต้องตาย’ ซ่อนอยู่

เรื่องราวดำเนินต่อจากภาคแรกทันที เริ่มจาก 3 ตัวละครหลักจากภาคแรกอย่าง เฟิร์ส (เจมส์-ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์) และบอลลูน (เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี) ตัดสินใจแอบสึกหนีออกจากวัด

ก่อนที่ทั้งสองจะถูก ‘คำสาป’ และ ‘ผีพี่นาค’ ตัวใหม่ (ธามไท แพลงศิลป์) หมายเอาชีวิต จนต้องซมซานกลับหาพระโหน่ง (ออกัส-วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์) ที่ยังเดินหน้าบนเส้นทางแห่งพระธรรมเพียงลำพัง เพื่อขอความช่วยเหลือ

เสริมด้วยเส้นเรื่องของ โทมินจุน (มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) ที่ถูกแม่พามาบวชแก้บน หลังได้เป็นศิลปินเกาหลี ที่ต้องมาเจออาถรรพ์ต้องตายก่อนได้บวชที่พวกเขาเคยเผชิญเมื่อครั้งก่อน และเรื่องราวความวุ่นวาย ฮา สยอง ใน พี่นาค 2 ก็เริ่มต้นขึ้น

พี่นาค 2 ยังคงมีปัญหาคล้ายภาคแรกคือ เรื่องบทภาพยนตร์ที่ยังตั้งใจเน้นสร้างความ ‘วายป่วง’ ให้กับตัวละคร จนทำให้เราสงสัยในการกระทำสุดโต่ง และดูจะหาเหตุผลมารองรับไม่ได้เท่าไร ว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกตัดสินใจแบบนี้ออกมา

รวมทั้งจุดเปลี่ยนความคิดของตัวละครในช่วงกลางถึงท้ายเรื่อง ก็ดูไม่ค่อยมีเหตุผลที่มีน้ำหนักมารองรับ ทำให้เราไม่ได้อินไปกับตัวละคร เมื่อถึงฉากดราม่าที่เป็นจุดไคลแม็กซ์ที่น่าจะทำให้เราเข้าใจพวกเขามากกว่านี้

เหตุผลสำคัญคือ การพยายามเพิ่มประเด็นให้กับตัวละครอื่นๆ ทั้งโทมินจุน แก๊งเณร และเด็กวัดคาแรกเตอร์จัดทั้งหลาย ที่ความคิดน่าสนใจ แต่ด้วยความที่มีตัวละครมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถเกลี่ยบทและดึงความน่าสนใจของแต่ละคนขึ้นมาได้เท่าที่ควร

แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ พี่นาค 2 ที่ยังคงทำได้ดีมากๆ คือ เคมีระหว่างเจมส์ ภูริพรรธน์ (มอ 6/5 ปากหมาท้าผี) และเอม ตามใจตุ๊ด ที่เข้าขารับส่งมุกและเสียงกรี๊ดร่วมกันได้ดีสุดๆ และแน่นอนว่า ถ้าจักรวาลพี่นาคมีภาคต่อ (ซึ่งน่าจะมีแน่ๆ) สองคนนี้คือองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด

รวมทั้งออกัส ที่แสดงให้เห็นอีกบุคลิกของพระโหน่ง ที่กลายเป็นพระที่ดูน่าเชื่อถือ คอยให้คำแนะนำและสั่งสอนผู้คน จนเรารู้สึกได้ว่า เขาคือพระรูปหนึ่งที่สามารถยกมือไหว้ได้อย่างสนิทใจจริงๆ

นักแสดงใหม่อย่างมีน พีรวิชญ์ ที่ต้องเผชิญคำสาปใหม่ดำเนินรอยตามรุ่นพี่ ก็ทำได้ดีทั้งพาร์ตตลก ตกใจวิ่งหนีผีที่เรียกเสียงหัวเราะได้ไม่แพ้คนอื่นๆ ไปจนถึงฉากดราม่าเข้มข้น ที่พูดน้อยแต่เน้นแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้เป็นอย่างดี

และอีกหนึ่งตัวละครใหม่ที่โดดเด่นไม่แพ้กันอย่าง มีน พีรวิชญ์ ที่มารับบทเป็น โทมินจุน ไอดอลหนุ่มชื่อดังที่ต้องเผชิญหน้ากับผีพี่นาคโดยไม่รู้ตัว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เข้ามาเสริมให้เนื้อเรื่องน่าสนใจมากขึ้น ทั้งฉากที่ต้องเผชิญกับผีพี่นาค มีนก็แสดงออกมาได้อย่างโดดเด่นไม่น้อยหน้าตัวละครอื่นๆ รวมถึงฉากดราม่าที่แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้า ก็ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน

สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่าพัฒนาขึ้นจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัดคือ งานวิชวลเอฟเฟกต์ที่เล่นใหญ่ ตระการตายิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะฉากต่อสู้ของเณรนอต (ต้า-อธิวัตน์ แสงเทียน) กับผีพี่นาค ที่ดูมีมิติ และเพิ่มความดุเดือดให้กับการต่อสู้ที่มากกว่าการวิ่งหนีได้ดียิ่งขึ้น

รวมทั้งงานเมกอัพเอฟเฟกต์ที่ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนภาคแรก ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนตัวละครจาก ชิน-ชินวุฒ อินทรคูสิน มาเป็น ธามไท ก็ยังสามารถรักษาคาแรกเตอร์ที่มีทั้งความสมจริง สยอง น่ากลัว แต่ไม่น่าเกลียด ยิ่งรวมกับงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่ทำได้ค่อนข้างดี ก็ทำให้พูดได้ว่า ‘ผีพี่นาค’ คืออีกหนึ่งตัวละครผีที่เท่และมีเสน่ห์ที่สุดในจักรวาลหนังผีไทย

ความรู้สึกโดยรวมที่ได้ดู พี่นาค 2 ไม่ได้ต่างจากภาคแรกมากนัก คือเป็นหนังผีที่แม้จะดำเนินเรื่องตามสูตร ทำให้เดาได้ง่ายอยู่บ้าง แต่ก็เป็นการตามสูตรที่ทำได้ดี ราบรื่น ดูได้เพลินๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก

และที่น่าสนใจคือ ความพยายามในการขยายจักรวาลคำสาปที่เป็นกิมมิกให้ใช้ได้หลายอีกภาค ซึ่งแค่คิดว่าต่อจากห้ามบวช ห้ามสึก แล้วจะเป็นอะไรต่อไปก็น่าสนุกแล้ว

สามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่