กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.0% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 6.3% ในเดือนกันยายน
ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลหลักได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพฤศจิกายน โดยการเพิ่มขึ้นรายเดือนต่ำกว่าประมาณการตลาด 0.3% ในขณะที่กำไรประจำปีอยู่ในแนวเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ซีอีโอ JPMorgan เตือน เศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 6-9 เดือน
- หุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดบวกถึง 800 จุด จากที่ร่วงหนักกว่า 500 จุด หลังการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.
- สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ที่ 8.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งทันที!
ขณะเดียวกันเมื่อเทียบเป็นอัตรารายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนตุลาคม สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ด้านบรรดานักลงทุนต่างจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ (2 ธันวาคม) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 2 แสนตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน หลังจากเพิ่มขึ้น 2.6 แสนตำแหน่งในเดือนตุลาคม และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพฤศจิกายนจะทรงตัวที่ระดับ 3.7%
ขณะที่ดัชนีการผลิต ISM สามารถอ่านค่าได้ที่ 49% ซึ่งแสดงถึงระดับของธุรกิจที่รายงานการขยายตัวสำหรับงวดนั้น และต่ำกว่าค่าที่อ่านได้ในเดือนตุลาคมที่ 1.2 จุด และต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020
ในส่วนของตลาดหุ้น Wall Street เมื่อวานนี้ (1 ธันวาคม) มีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูตัวเลขการจ้างงานที่จะมีการรายงานในวันที่ 2 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้ ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปรับตัวลดลง 194.76 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 34,395.01 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 3.54 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 4,076.57 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับเพิ่มขึ้น 14.45 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 11,482.45 จุด
David Grecsek กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและการวิจัยของ Aspiriant กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นการผ่อนคลายหลังจากที่ปรับขึ้นไปเมื่อ 1 วันก่อนหน้า หลัง Fed ส่งสัญญาณปรับลดขนาดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
โดยหนึ่งในหลักทรัพย์ที่ร่วงหนักเมื่อวานนี้คือหุ้นของ Salesforce ที่ปรับตัวร่วงลงประมาณ 8.3% เนื่องจากบริษัทให้ข้อมูลว่า CEO ร่วมของบริษัทจะก้าวลงจากตำแหน่งในไม่ช้า
ขณะที่หุ้นของ Costco ลดลงประมาณ 6.6% หลังจากยอดขายในเดือนพฤศจิกายนชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 5.7% จากปีก่อนหน้า และสวนทางตัวเลขในเดือนตุลาคมที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 7.7% จากปีที่แล้ว
รายงานระบุว่า สถานการณ์เงินเฟ้อฉบับล่าสุดจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่นักลงทุนในตลาดยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากกิจกรรมการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่งในเดือนพฤศจิกายน หลังจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นส่งผลกดดันต่ออุปสงค์สำหรับสินค้า และกระตุ้นให้นักลงทุนขายทำกำไร หลังจากดีดตัวขึ้นแรงหนึ่งวันก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้นักลงทุนต่างชะลอกการลงทุนเพื่อรอตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนอีกครั้ง
อ้างอิง: