ตลอดชีวิตของการเป็น ‘พ่อ’ ของคนไทยทั้งแผ่นดินของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมอบ ‘ของขวัญ’ ให้กับพสกนิกรชาวไทยเอาไว้มากมายผ่านทางพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของพระองค์ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ค่ายหนังดังอย่าง ‘สหมงคลฟิล์ม’ ได้เลือกส่งต่อแรงบันดาลใจที่ได้รับนั้นกลับสู่ประชาชนของท่านอีกครั้งผ่านโปรเจกต์ ‘ของขวัญ’
โปรเจกต์ ‘ของขวัญ’ ประกอบด้วยหนังสั้น 4 เรื่อง จาก 4 ผู้กำกับฝีมือดี ประกอบด้วย นนทรีย์ นิมิบุตร, ปรัชญา ปิ่นแก้ว, ก้องเกียรติ โขมศิริ และชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่จะนำเสนอความประทับใจที่มีต่อรัชกาลที่ 9 ในมุมมองของตัวเอง ทั้งหมดเพื่อเป็นของขวัญและแรงบันดาลใจให้คนไทยทุกคนได้ดำรงชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง เพราะถึงแม้พระองค์จะจากเราไปแสนไกล แต่คำสอนและคุณความดีที่พระองค์ทรงสร้างไว้ จะยังอยู่ในใจของคนไทยทุกคนไปตราบนานเท่านาน
ดอกไม้ในกองขยะ กำกับโดย นนทรีย์ นิมิบุตร
ดอกไม้ในกองขยะ เล่าเรื่องผ่าน ‘ตาจุก’ คนเก็บขยะที่ต้องทำงานที่หลายคนมองว่าน่ารังเกียจ ต้นทุนชีวิตของเขาแทบไม่มีอะไร เพราะไม่ได้รับการศึกษา ทำงานกับสิ่งสกปรก อยู่บ้านหลังเล็ก ต้องดูแลลูกๆ ด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและไข่เจียว แต่เขาไม่เคยสักครั้งที่จะหยุดทำความดี ถ้าพูดถึงคำสอนที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงย้ำกับประชาชนทุกคนอยู่ตลอดเวลาว่าให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ตาจุกที่ภายนอกดูมอมแมมและไม่มีค่า คือหนึ่งในคนที่น้อมนำคำสอนนั้นมาปฏิบัติตามได้อย่างน่าภูมิใจ
นี่คือสิ่งที่ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร เลือกนำเสนอเป็น ‘ของขวัญ’ ในเรื่อง ดอกไม้ในกองขยะ ให้กับประชาชนคนไทยทุกคน เพื่อตอกย้ำเรื่องความรักและความยึดมั่นที่จะทำให้ทุกคนผ่านพ้นทุกอุปสรรคในชีวิตไปได้ สำหรับผู้กำกับรุ่นใหญ่ที่ผ่านการทำหนังเฉลิมพระเกียรติมามากกว่า 30 เรื่อง เขาพบว่าเรื่องราวอันน่าประทับใจของพระองค์มีมากมาย
ดอกไม้ที่บานในกองขยะ
ตอนแรกผมนึกถึงเรื่องที่จะทำมาเล่าไม่ออกนะ ทุกเช้าเวลาขี่จักรยานออกจากบ้านผมจะเจอรถเก็บขยะวันละ 4-5 คัน ผมจะรีบปั่นจักรยานหนีเพราะว่ารู้สึกเหม็น แต่วันหนึ่งเขาเก็บขยะอยู่ในซอยเล็กๆ แล้วผมแซงไม่ได้ ทำได้แค่ถอยมาห่างๆ แล้วมองดูเขาทำงาน แล้วรู้ทันทีว่าคนพวกนี้เขาโคตรเสียสละเลยนะ แล้วมันต้องมีคนแบบนี้ในสังคม เพื่อทำงานที่ไม่มีคนอยากทำ เป็นคนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีใครพูดถึง ไม่พูดถึงไม่พอแถมยังรังเกียจเขาด้วยซ้ำ เลยรู้สึกว่า เราต้องพูดถึงคนเหล่านี้
ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าคนเราทุกคนเท่ากัน กินเหมือนกัน ตายเหมือนกัน ถ้าถอดเสื้อผ้าออกแล้วยืนเรียงกันทุกคนเหมือนกันหมดเลย เพียงแค่เราเอาอะไรบรรจุลงไปตัวเอง จะเลือกความดีหรือสิ่งโสมม ผมคิดว่าจุดนี้คือสิ่งที่ควรนับถือ ศรัทธา มากกว่าจะมองว่าคนนั้นขับรถอะไร หรือแต่งตัวอะไร
ตาจุก ที่เป็นตัวละครเอกในเรื่อง ถ้าเอามาเทียบกับคนอื่น เขาด้อยมากในสังคม ไม่ได้เรียนหนังสือ อยู่บ้านเล็กๆ โทรมๆ เลี้ยงลูกด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและข้าวไข่เจียว สมถะมาก แต่เป็นคนดีของสังคม นอกจากความสกปรกภายนอกที่ทุกคนเห็น เขาอาจจะมีภายในที่ดีกว่าใครหลายคนด้วยซ้ำ เพราะคนบนตึกสูงอาจจะทำดีได้ไม่เท่าคนบนรถขยะด้วยซ้ำไป
ความดีและความรัก ที่จะทำให้ดอกไม้เติบโต
2 เรื่องนี้ชัดเจนมาก ถ้าเราทำดี ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแบบที่พระองค์ทรงย้ำกับประชาชนทุกคนอยู่ตลอด สุดท้ายเราจะสามารถผ่านอุปสรรคไปได้แน่นอน ส่วนครอบครัว ไม่ว่าใครแต่ละคนจะไปพบเจอปัญหาอุปสรรคจากข้างนอก ล้มเหลว ผิดพลาดอะไรมาก็ตาม แต่เมื่อกลับมาบ้าน ถ้าทุกคนกอดกัน รักกัน ให้กำลังใจกัน ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
วันก่อนผมติดฝนอยู่ในตลาด ระหว่างนั่งกินข้าว ผมเห็นร้านที่ว่างเปล่าเต็มไปหมด เดินไปถามใคร มีแต่คนบอกว่าช่วงนี้แย่มาก เศรษฐกิจไม่ดี ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม ผมคิดว่านอกจากความเศร้าโศกในกรณีเสด็จสวรรคตของพระองค์ ทุกคนใช้ชีวิตยากลำบากกว่าเมื่อก่อน หนังเรื่องนี้จะเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ถ้าเรายึดมั่นในความดี ยึดมั่นในความรักอะไรบางอย่าง คุณจะผ่านช่วงเวลาอันโศกเศร้าและอุปสรรคทุกอย่างในชีวิตไปได้จริงๆ
คำสอนที่ทำให้ดอกไม้เบ่งบาน
ผมคิดว่าขยะคือเรื่องราวในจิตใจที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ ปัญหาเหล่านี้คือขยะ และหนังเรื่องนี้พยายามบอกอีกว่าคำสอนของพระองค์คือดอกไม้ เพราะคอนเซปต์ของคำว่าของขวัญ มันคือการส่งต่อความรู้สึกที่เราได้รับจากพระองค์มาตลอดชีวิตของเรา พระองค์ทรงงานอย่างหนักเพื่อพสกนิกรของพระองค์ หลายๆ ครั้งที่ผมรู้สึกขี้เกียจ เหนื่อย ท้อแท้ใจ แค่เราหันไปเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ที่ติดอยู่เต็มไปหมด สิ่งที่เราเผชิญอยู่มันเล็กน้อยมาก กระจอกมาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่พระองค์ทำมาตลอดชีวิต แค่นั้นดอกไม้ในใจเราจะเบ่งบานขึ้นมาบอกว่า เราจะขี้เกียจไม่ได้นะ ปัญหาแค่นี้ต้องผ่านไปให้ได้ อย่าท้อ
พระองค์ทรงมอบของขวัญล้ำค่าให้กับพวกเราไว้มากมาย ซึ่งพวกเราคงไม่มีวันตอบแทนได้หมด ผมคิดว่าแค่เราทำในสิ่งที่พระองค์สอนอย่างเข้าใจจริงๆ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าคุณกำลังจะทำหน้าที่อะไรอยู่ก็ตาม แค่นี้พระองค์ก็ยิ้มด้วยความดีใจอยู่บนท้องฟ้าแล้ว
ความเต็มใจที่พร้อมเพรียงกัน
เวลาผมติดต่อให้ใครมาช่วยงานในเรื่องนี้ ไม่มีใครปฏิเสธผมเลยสักคน ไม่มีการต่อรองค่าตัว ไม่มีถามเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น ทุกคนรู้สึกเหมือนกันว่ายินดีมากที่ได้ทำงานนี้ ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำหนังเพื่อเป็นของขวัญให้ผู้คน โดยส่งมอบความรัก แรงบันดาลใจ ความดีทั้งหมดที่เราเคยได้รับจากพระองค์ให้ออกมาดีที่สุด
ชีวิตการทำงานของผม จะบอกทีมงานทุกคนอยู่ตลอดเวลา นายของเราคือหนังนะ คุณไม่ได้ทำงานให้ผม แต่คุณกำลังทำหนัง ต่อให้เสิร์ฟน้ำ คุณก็กำลังทำหนังอยู่ เพียงแค่หน้าที่ในการทำหนังของคุณคือการเสิร์ฟน้ำเท่านั้นเอง และตอนนี้เมื่อเราได้ทำหน้าที่ส่งผ่านความดีของพระองค์สู่ผู้ชม นายของเราก็คือหนังเรื่องนี้ แล้วนายของเรายิ่งใหญ่มาก เพราะฉะนั้นเลยมีความคิดแค่อย่างเดียวว่าต้องทำหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดีที่สุดเพื่อพระองค์เท่านั้นเอง แล้วตลอดชีวิตผมทำหนังเพื่อพระองค์มา 30 กว่าเรื่อง ทุกเรื่องเป็นแบบนี้เหมือนกัน
อีกเรื่องหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะเชื่อเหมือนกันหรือไม่ก็ตาม แต่ตอนที่ถ่ายทำเรื่องนี้ ทุกครั้งที่เมฆตั้งเค้าสีดำมาเลย ผมจุดธูปบอกถึงสิ่งที่เราจะทำ แล้วเมฆหายไปทันที ผมเชื่อว่ามันมีพลังพิเศษบางอย่างอยู่ตรงนี้ ซึ่งเป็นขวัญและกำลังใจที่ดีมากสำหรับคนทำงานทุกคน
ความประทับใจที่หยิบมาพูดได้ไม่มีวันจบ
พื้นฐานของผู้กำกับทุกคนคือไม่มีใครอยากทำอะไรซ้ำเรื่องเก่า แต่เชื่อไหม ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้วที่ผมเริ่มทำหนังเฉลิมพระเกียรติพระองค์ ผมเริ่มอ่านพระราชกรณียกิจ อ่านพระราชประวัติ พระราชดำริเต็มไปหมด 20 ปีผ่านไปผมยังอ่านไม่จบเลย โครงการพระราชดำริ 4,800 กว่าโครงการ ไหนจะเรื่องเล่าความประทับใจที่ผู้คนได้พบเจอมา พระองค์ทรงมีเรื่องราวให้พวกเรานำมาพูดถึงได้ไม่มีวันจบ
ล่าสุดผมทำโปรเจกต์ส่วนตัวเป็นหนังธีสิสเพื่อใช้ในการเรียนปริญญาโท เรื่อง Behind The Eye เล่าเรื่องผู้ชายคนหนึ่งเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ ที่วันหนึ่งตาอักเสบ ต้องปิดตาข้างหนึ่งเอาไว้ 7 วัน ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลลูกไปพร้อมๆ กันด้วย แล้วเขาก็พบกับความยากลำบากในชีวิตแบบที่ไม่เคยต้องเจอมาก่อน ผ่านไป 7 วัน ตาเขาหายดี ถามว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาคิดแค่ว่าขนาดปิดตาข้างเดียว ดูแลลูกของตัวเองยังลำบากขนาดนี้ แต่พระองค์ปิดตาข้างเดียวมา 70 กว่าปี ดูแลลูก 70 ล้านคน เท่านี้ก็บอกได้หมดทุกอย่างแล้ว เพราะฉะนั้นยังมีเรื่องราวอีกมากมายมหาศาลให้เราพูดถึง ผ่านมา 30 กว่าเรื่อง ผมยังไม่เคยพูดซ้ำแม้แต่เรื่องเดียว