ประเทศไทยได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญที่แบรนด์แฟชั่นชั้นนำเลือกเปิดตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในช่วงปีที่ผ่านมากลุ่มสินค้าแฟชั่นในไทย โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมี่ยมและลักชูรีมีการขยายตัวอย่างมาก จากกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของนักช้อปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ภาพดังกล่าวทำให้ประเทศไทยถูกจับตาในฐานะการเป็น ‘Luxury Hub of South East Asia’ แห่งใหม่ของภูมิภาค โดยข้อมูลจาก Statista คาดการณ์ว่าในปีนี้ตลาดแฟชั่นพรีเมี่ยมและลักชูรีของไทยอาจมีมูลค่าสูงถึง 40,000 ล้านบาท และจะเติบโตจากปีที่แล้วเฉลี่ย 2.79%
ท่ามกลางแนวโน้มนี้ Paul Smith ภายใต้การบริหารงานของ Central Marketing Group หรือ CMG ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้เดินหน้ารุกตลาด ด้วยการเปิดแฟล็กชิพสโตร์แห่งที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์
สำหรับแฟล็กชิพสโตร์แห่งใหม่นี้ ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘พื้นที่ที่เล่าเรื่องแบรนด์ผ่านงานศิลปะ’ สะท้อนผ่านองค์ประกอบต่างๆ ตั้งแต่ Façade สีแดงด้านหน้าร้านที่สลักภาพวาดลายเส้นของเซอร์พอล สมิธ ลงบนแผ่นหินปูน
ไฮไลต์สำคัญภายในร้านคือฉากสี่เหลี่ยมขนาด 3×3 เมตร ซึ่งเทียบเท่ากับขนาดร้านแรกของแบรนด์ในเมืองนอตติงแฮม เพื่อสื่อถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งกระจก Fun House Mirror ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่อยู่ในออฟฟิศของพอล สมิธ ที่ลอนดอน
บรรยากาศภายในยังตกแต่งด้วยโปสเตอร์เพลงวินเทจจากวงดนตรีโปรดของเขา เช่น The Rolling Stones และ Oasis บริเวณห้องลองเสื้อ พร้อมผสมผสานเฟอร์นิเจอร์วินเทจสั่งทำพิเศษเข้ากับงานออกแบบร่วมสมัย และมีโซน Art Wall ที่จัดแสดงผลงานศิลปะเพื่อหลอมรวมโลกแฟชั่นและศิลปะเข้าไว้ด้วยกัน
แฟล็กชิพสโตร์แห่งนี้นำเสนอสินค้าครบทุกไลน์ ตั้งแต่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชาย-หญิง แอ็กเซสซอรีต่างๆ ทั้งกระเป๋าและรองเท้า ไปจนถึงของแต่งบ้านและเครื่องหอม
การเปิดแฟล็กชิพสโตร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Paul Smith ในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ยืนยันถึงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของตลาดลักชูรีในประเทศไทย