วันนี้ (7 เมษายน) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วย ผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ตลอดจนผู้สัมผัสผู้ป่วยโรคโควิด-19 กระจายในหลายพื้นที่ จึงจำเป็นต้องปรับเกณฑ์การเฝ้าระวังสอบสวนโรค (Patient Under Investigation: PUI) ใหม่เป็นครั้งที่ 7 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคในปัจจุบัน
ซึ่งพบผู้ป่วยเกือบทั่วโลก จึงตัดนิยามพื้นที่เสี่ยงออกและในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยพบการป่วยเป็นกลุ่มก้อนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสนามมวย สถานบันเทิง แต่พบผู้ป่วยที่ไปตลาดนัด เดินทางข้ามจังหวัดโดยสารรถขนส่งสาธารณะ จึงเพิ่มการกำหนดสถานที่ชุมนุมชนหรืออาชีพเสี่ยง รวมทั้งแยกบุคลากรทางการแพทย์ออกจากกลุ่มอื่นเป็นการจำเพาะ ตามความเห็นของคณะกรรมการวิชาการ เนื่องจากเป็นบุคลากรที่ให้การดูแลผู้ป่วย เพื่อให้ชัดเจนและค้นหาได้เร็วขึ้น โดยนิยามการเฝ้าระวังโรคที่สำคัญมีดังนี้
- คัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศทุกคนในทุกช่องทาง โดยเฝ้าระวังผู้ที่มีอุณหภูมิ 37.3 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือมีอาการของระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่งคือ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบหรือหายใจลำบาก ต้องส่งตัวไปตรวจวินิจฉัยที่โรงพยาบาลที่กำหนด
- การเฝ้าระวังในสถานพยาบาล ในกลุ่มผู้สงสัยติดเชื้อที่มีอาการไข้ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือมีประวัติมีไข้ ร่วมกับอาการของระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ ร่วมกับมีประวัติในช่วงเวลา 14 วันก่อนเริ่มป่วยอย่างใดอย่างหนึ่งประกอบด้วย
- มีประวัติการเดินทางหรืออาศัยในพื้นที่ที่เกิดโรคโควิด-19
- มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว สถานที่แออัด หรือติดต่อกับคนจำนวนมาก
- เข้าไปในสถานที่ชุมนุมชน หรือมีการรวมกลุ่มคน เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล หรือขนส่งสาธารณะ
- สัมผัสกับผู้ป่วยโรคโควิด-19
- การเฝ้าระวังในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ โดยแพทย์ผู้ให้การรักษาประเมินความเสี่ยงหรือโอกาสการติดเชื้อ หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วย/ผู้สงสัยว่าป่วย
- การเฝ้าระวังการป่วยเป็นกลุ่มก้อนของผู้ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ให้ผลลบทุกราย โดยในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ตั้งแต่ 3 รายขึ้นไปในแผนกเดียวกัน/โรงพยาบาลขนาดเล็ก/คลินิก และในกลุ่มคนที่อยู่ในสถานที่แห่งเดียวกันตั้งแต่ 5 รายขึ้นไป ภายในสัปดาห์เดียวกัน
- สำหรับนิยามผู้ป่วยปอดอักเสบยังคงเดิมคือ เป็นปอดอักเสบหาสาเหตุไม่ได้ หรือรักษาแล้วไม่ดีขึ้นใน 48 ชั่วโมง มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตโดยหาสาเหตุไม่ได้ หรือภาพเอกซเรย์ปอดเข้าได้กับโรคโควิด-19
นอกจากนี้ นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า ประชาชนที่ป่วยและมีอาการเข้าเกณฑ์ตามนิยามจะได้ตรวจวินิจฉัยทุกคน ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการป่วย หากสอบสวนโรคพบเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเข้าเกณฑ์ก็จะได้ตรวจวินิจฉัยเช่นกัน อย่างไรก็ดี การตรวจที่มีโอกาสพบเชื้อมักเป็นการตรวจเมื่อมีอาการป่วย
ทั้งนี้กรมควบคุมโรคร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ได้พัฒนาระบบการส่งตรวจ การเรียกเก็บ การรายงานผล และการเพิ่มห้องปฏิบัติการ รวมทั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่เหมาะสม รวดเร็ว เพิ่มการเข้าถึงการตรวจวินิจฉัย บุคลากรในพื้นที่ปฏิบัติงานป้องกันควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า