สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร พระราชทานพระบรมราชานุญาตตามคำขอของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ให้มีการระงับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภาสหราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ก่อนที่พระองค์จะมีพระราชดำรัสเปิดสภาอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งเป็นเวลาที่กระชั้นชิดกับกำหนดเส้นตายที่สหราชอาณาจักรเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 31 ตุลาคม
หลังรัฐบาลสหราชอาณาจักรกราบทูลควีนเอลิซาเบธให้ระงับการทำหน้าที่ของรัฐสภาแล้ว จากนี้สมาชิกสภาจะกลับมาทำงานในวันที่ 3 กันยายน ก่อนจะพักการประชุมตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนไปจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม โดยรัฐสภาจะมีเวลาเพียง 2 สัปดาห์ครึ่งในการหาทางออกเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่ให้ทันเส้นตาย มิเช่นนั้นอาจต้องแยกตัวจาก EU แบบไร้ข้อตกลง
ความเป็นไปได้หลังจากนี้คือสมาชิกสภาอาจยื่นญัตติขอโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาลภายในวันที่ 10 กันยายน ซึ่งอาจนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือนตุลาคม
การตัดสินใจระงับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา สร้างความไม่พอใจให้กับนักการเมืองในสภาและประชาชนจำนวนมาก โดยชาวอังกฤษหลายร้อยคนออกมาชุมนุมประท้วงในกรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ (28 ส.ค. 2562) นอกจากนี้ยังมีคนลงชื่อคัดค้านการตัดสินใจดังกล่าวมากถึง 1 ล้านคน ขณะที่นักการเมืองฝ่ายค้านมองว่า สมาชิกสภาจะเหลือเวลาไม่มากในการหยุดยั้งไม่เกิดกรณี No-deal Brexit
อย่างไรก็ตาม ไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การพักประชุมสภาไม่ได้มีเจตนาทางการเมืองในการหยุดยั้งสมาชิกสภาที่ต้องการเดินหน้าจัดทำข้อตกลงฉบับใหม่ให้ทันเส้นตายเพื่อหลีกเลี่ยง No-deal Brexit นอกจากนี้เขายังยืนยันว่ารัฐสภายังมีเวลามากพอในการอภิปรายหาทางออกก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ตุลาคม
ด้านนายกฯ จอห์นสันกล่าวว่า เขาต้องการผลักดันแผนต่างๆ ให้ประเทศเดินหน้า โดยไม่ต้องรอหลัง Brexit
แต่กระนั้น เจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคเลเบอร์ ได้วิจารณ์การตัดสินใจของจอห์นสันว่า ทำลายประชาธิปไตย เพียงเพื่อที่จะผลักดันกระบวนการ Brexit แบบไร้ข้อตกลงให้ลุล่วง ด้วยการบีบให้เหลือเวลาไม่พอในการผ่านกฎหมายในรัฐสภา
ทั้งนี้โดยปกติรัฐสภาสหราชอาณาจักรจะพักสมัยการประชุมเป็นเวลาไม่กี่สัปดาห์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่การพักประชุมในช่วงเวลานี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เนื่องจากเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะกำหนดชะตาของสหราชอาณาจักรภายหลังจาก Brexit
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: