วันนี้ (1 พฤศจิกายน) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติที่จะไม่จัดการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต แม้ว่ารัฐบาลจะเตรียมจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน มีนาคม 2569 ว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะสร้างความสับสนและความไม่สะดวกอย่างมหาศาลให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้อาศัยนอกเขตทะเบียนบ้านซึ่งมีจำนวนมาก
พริษฐ์อธิบายว่า หาก กกต. ยืนยันตามนี้ จะเกิดมาตรฐานที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ประชาชนสามารถเลือกตั้ง สส. ล่วงหน้านอกเขตได้ในวันที่กำหนด เช่น 22 มีนาคม แต่กลับไม่สามารถออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขตในวันเดียวกันได้
หากต้องการออกเสียงประชามติ จะต้องเดินทางไปใช้สิทธิในวันจริง เช่น 29 มีนาคม เท่านั้น ซึ่งอาจต้องเดินทางไปที่หน่วยเลือกตั้งถึงสองครั้ง หรืออาจทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยลงทะเบียนล่วงหน้ากว่า 2 ล้านคน หรือ 5% ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ในปี 66 ต้องสูญเสียสิทธิในการออกเสียงประชามติไป
พริษฐ์ยอมรับว่า ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่สอดคล้องกันของกฎหมาย โดย พ.ร.ป. เลือกตั้ง สส. เปิดช่องให้เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตได้ชัดเจน แต่ พ.ร.บ. ประชามติ ไม่ได้ระบุถึง การออกเสียงล่วงหน้านอกเขตไว้อย่างชัดเจน มีเพียงการออกเสียงนอกเขตในวันจริง และการออกเสียงล่วงหน้านอกราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม การแก้ไขกฎหมายในขณะนี้อาจไม่ทันเวลา
พริษฐ์ได้เสนอทางออกที่ทำได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบันว่า กกต. สามารถใช้กลไก ‘การออกเสียงทางไปรษณีย์’ ที่ พ.ร.บ. ประชามติ (มาตรา 47-48) รองรับไว้ ข้อเสนอนี้ไม่ใช่การส่งบัตรจากที่บ้าน แต่เป็นการกำหนดให้ประชาชนที่ลงทะเบียนล่วงหน้านอกเขต เมื่อมาถึงหน่วยเลือกตั้งในวันล่วงหน้า (เช่น 22 มีนาคม) ให้สามารถเลือกตั้ง สส. ตามปกติ และออกเสียงประชามติโดยรับซองลงคะแนน และยื่นบัตรคืนให้เจ้าหน้าที่ ณ หน่วยนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งบัตรนั้นทางไปรษณีย์ไปยังหน่วยนับคะแนนต่อไป
พริษฐ์ย้ำว่า ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากความไม่สอดคล้องกันของกฎหมาย แต่หาก กกต. ยึดความสะดวกของประชาชนเป็นที่ตั้ง ก็ไม่ควรยอมแพ้ง่ายๆ และควรพิจารณาทางออกนี้ เพื่อทำให้ประชาชนออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขตได้ เหมือนกับการเลือกตั้ง ทั้งนี้ตนยินดีที่จะเข้าหารือกับ กกต. เพิ่มเติม พื่อร่วมกันพิจารณารายละเอียดของข้อเสนอดังกล่าว
