×

พริษฐ์เมินกระแสค้านร่างแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกลาโหม ย้ำ จำเป็นต้องมีกฎหมายต้านรัฐประหาร เชื่อ ‘ประชาชน-เพื่อไทย’ จับมือกันแน่น ผ่านความเห็นชอบของสภาได้

โดย THE STANDARD TEAM
10.12.2024
  • LOADING...
พริษฐ์เมินกระแสค้านร่างแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกลาโหม

วันนี้ (10 ธันวาคม) ที่รัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะการสกัดการรัฐประหารว่า ในมุมมองของพรรคประชาชนหรืออดีตพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เป็นกุญแจดอกสำคัญในการปฏิรูปกองทัพภายใต้รัฐบาลพลเรือนตามหลักการประชาธิปไตยและมาตรฐานสากล

 

ใจความสำคัญที่พรรคได้เสนอไปคือการพยายามปรับอำนาจที่มาของสภากลาโหม ซึ่งปัจจุบันมาตรา 43 เขียนไว้ว่าการดำเนินการบางเรื่อง รัฐมนตรีกลาโหมซึ่งเป็นตัวแทนพลเรือนไม่สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้ แต่ต้องทำตามมติสภากลาโหมซึ่งมีข้าราชการทหารเป็นหลัก ทั้งนโยบายการทหาร งบประมาณ และการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับทหาร ซึ่งครอบคลุมหลายภารกิจมาก

 

ดังนั้นข้อเสนอของอดีตพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชนในปัจจุบันจึงให้ความสำคัญในเรื่องของโครงสร้างสภากลาโหม โดยการปรับลดอำนาจสภากลาโหม จากที่สามารถมัดมือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ มาเป็นการให้คำปรึกษาเพื่อประกอบการตัดสินใจให้เกิดความสมดุลกันมากขึ้นระหว่างทหารกับตัวแทนรัฐบาลพลเรือน

 

พริษฐ์ยืนยันว่า การแก้กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญต่อการปฏิรูปกองทัพ เพื่อให้เป็นกองทัพมืออาชีพ ไม่แทรกแซงการเมือง และเป็นไปตามหลักสากล ซึ่งวันนี้มีอย่างน้อย 2-3 ร่างที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณา โดยเฉพาะร่างของพรรคเพื่อไทย ซึ่งใจความของตัวร่างสอดคล้องกับพรรคประชาชน อาจมีรายละเอียดแตกต่างกันบ้าง แต่ในภาพรวมคือพยายามปรับให้กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนมากขึ้น

 

พริษฐ์กล่าวอีกว่า รวมถึงอาจมีร่างของคณะรัฐมนตรี โดยเป็นสิทธิของแต่ละพรรคการเมืองว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ถ้าดูตามคณิตศาสตร์ทางการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร หากพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยจับมือกันแน่น รวมกันแล้วก็มี สส. ถึง 290 คน ก็สามารถผลักดันให้ทุกร่างผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาได้ในวาระที่ 1 คือชั้นรับหลักการ จากนั้นค่อยไปถกกันในชั้นกรรมาธิการ จึงเชื่อว่าการที่บางพรรคไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นอุปสรรคที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนจะโหวตเห็นชอบในร่างของตัวเองเพื่อให้ผ่านวาระที่ 1 ไป จึงขอเชิญชวน สส. รัฐบาลร่วมกันโหวต

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีหากร่างผ่านความเห็นชอบจากสภา แต่อาจจะไม่ผ่านในชั้นวุฒิสภานั้น พริษฐ์กล่าวว่า อำนาจของวุฒิสภา ณ ปัจจุบัน ถ้าเป็นการแก้ไขระดับ พ.ร.บ. ไม่สามารถขัดขวางกฎหมายได้ ทำได้มากที่สุดเพียงแค่ชะลอไป 180 วัน เหมือนกฎหมายประชามติ ซึ่งอาจทำให้กรอบระยะเวลาต้องเพิ่มออกไป แต่ถ้าเสียงของสภาเกินกึ่งหนึ่งยืนยันว่าจะแก้ไขร่างก็สามารถทำได้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่าร่างแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมของพรรคก้าวไกลสุดโต่งเกินไปนั้น พริษฐ์กล่าวว่า ถ้าหากมองว่าสุดโต่ง ต้องตั้งหลักว่าจะไปเปรียบเทียบกับอะไร เพราะสิ่งที่พรรคเสนอเพื่อปรับเปลี่ยนอำนาจของสภากลาโหมเป็นหลัก เพื่อโอนให้อำนาจมาที่รัฐมนตรีกลาโหมซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลพลเรือน

 

หากเปรียบเทียบกับมาตรฐานของรัฐบาลสากลก็ถือว่าเป็นปกติ สิ่งที่สุดโต่งมากกว่าก็คือการที่บอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่สามารถตัดสินใจหรือรับผิดชอบเกี่ยวกับการตัดสินใจได้เพราะต้องฟังเสียงมติสภากลาโหม พร้อมย้ำว่าถ้าเปรียบเทียบกับมาตรฐานสากล กฎหมายที่เรามีอยู่ ซึ่งเป็นมรดกจากคณะรัฐประหาร 2549 น่าจะเป็นสิ่งที่สุดโต่ง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเห็นของ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ต่างให้ความเห็นว่าแม้จะมีกฎหมายออกมา แต่ถึงเวลารัฐประหารกฎหมายนั้นก็ไม่สามารถควบคุมได้อยู่ดี พริษฐ์มองว่า พรรคประชาชนพูดมาโดยตลอดว่ารัฐประหารไม่ใช่เรื่องง่าย และการแก้ไขกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงเรื่องรัฐประหารถูกจำกัดลงไปอย่างสิ้นเชิง แต่การแก้กฎหมายเป็นการเพิ่มอาวุธและเครื่องมือที่จะทำให้ประชาชนและสถาบันทางการเมืองมีไว้ป้องกันและต่อกรกับรัฐประหาร แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการอื่นป้องกันรัฐประหารนอกเหนือจากกฎหมายด้วย ทั้งนี้ อย่างน้อยก็ควรร่วมมือกันแก้ไขกฎหมาย ให้มีเครื่องมือเพื่อป้องกันต่อต้านรัฐประหารน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X